วีซ่าเชงเก้น

26 ประเทศขอวีซ่าเชงเก้นได้ 

เช็กลิสต์ให้พร้อมก่อนขอวีซ่าเชงเก้นในปี 2024

 

วีซ่าเช้งเก้น (Schengen Visa) คืออะไร?

อย่างแรกเลยเราต้องมาเริ่มรู้จักกันก่อนว่า “เชงเก้น (Schengen)” คืออะไร

คำว่า “เช้งเก้น (Schengen)” มีที่มาจาก “ความตกลงเชงเก้น (Schengen Agreement)” ซึ่งเป็นความตกลงระหว่างประเทศในทวีปยุโรป ที่อนุญาตให้สมาชิกในกลุ่ม(ปัจจุบันมี 26 ประเทศ)สามารถเดินทางเข้าออกในประเทศที่เป็นภาคีข้อตกลง (เขตเชงเกน) ได้โดยไม่ต้องถือหนังสือเดินทาง นอกจากนั้นยังให้การอนุญาตชั่วคราวกับผู้ถือวีซ่าเชงเก้น (Schengen Visa) มีสิทธิในการเดินทางได้ชั่วคราวในประเทศสมาชิกโดยถือใบอนุญาตเพียงแค่ใบเดียวแต่สามารถเดินทางข้ามประเทศในกลุ่มได้ ตามสนธิสัญญาอัมส์เตอร์ดัม (Treaty of Amsterdam) จึงเป็นที่มาของ “วีซ่าเชงเก้น” นั่นเอง

วีซาเช้งเก้น(Schengen Visa) เป็นวีซ่าที่ใช้ในการเดินทางเข้า–ออกประเทศในแถบยุโรป ที่มีข้อตกลงร่วมกันว่า บุคคลที่ได้รับวีซ่าเชงเก้นจะสามารถเดินทางไปยัง 26 ประเทศในยุโรปได้ โดยไม่ต้องขอวีซ่าที่ชายแดนของแต่ละประเทศ ซึ่งได้แก่ ออสเตรีย เบลเยียม เดนมาร์ก สาธารณรัฐเช็ก ฟินแลนด์ เอสโทเนีย ฝรั่งเศส เยอรมนี กรีซ ฮังการี ไอซ์แลนด์ อิตาลี ลัตเวีย ลิทัวเนีย ลักเซมเบิร์ก มอลตา เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ โปแลนด์ โปรตุเกส สโลวาเกีย สโลวีเนีย สเปน สวีเดน และสวิสเซอร์แลนด์

 

วีซ่าเช้งเก้น

 

วีซ่าเชงเก้นเหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางไปเที่ยวยุโรปหลายประเทศในทริปเดียว โดยคุณสามารถยื่นคำร้องขอวีซ่าแบบเดินทางเข้า–ออกครั้งเดียว (Single) หรือเดินทางเข้า–ออกหลายครั้ง (Multiple) ทั้งนี้ สำหรับวีซ่าเดินทางเข้า-ออกหลายครั้งนั้น มีข้อกำหนดไว้ว่าคุณสามารถเดินทางไปยังประเทศในกลุ่มเชงเก้นและใช้เวลาในประเทศเหล่านั้นรวมกันแล้วต้องไม่เกิน 90 วัน ภายในระยะเวลา 180 วัน (ประมาณ 6 เดือน) โดยจะเริ่มนับตั้งแต่วันแรกที่เดินทางเข้าประเทศในกลุ่มสัญญาเชงเก้น (Schengen) โดยประมวลกฎหมายเกี่ยวกับวีซ่าของประเทศในเขต EU (810/2009) ระบุถึงเงื่อนไขในการอนุมัติวีซ่าเชงเก้นไว้ ดังนี้

  • คุณจะต้องเดินทางออกจากประเทศในเขตเชงเก้นก่อนวีซ่าจะหมดอายุ
  • คุณจะต้องมีเงินเพียงพอสำหรับการใช้จ่ายในขณะที่อยู่ในประเทศ และชี้แจงวัตถุประสงค์ของการเดินทาง
  • การยื่นคำร้องขอวีซ่าประเภทพำนักระยะสั้น ไม่สามารถยื่นเอกสารล่วงหน้าเกินกว่า 90 วันก่อนเดินทาง
  • คุณต้องยื่นเอกสารในการสมัครวีซ่าเชงเก้นอย่างน้อย 15 วัน ตามปฏิทินก่อนวันที่ประสงค์จะเดินทาง โดย VFS Global จะเป็นสำนักงานตัวแทนที่รับผิดชอบในการรับและคืนหนังสือเดินทางสำหรับการยื่นเอกสารสมัครวีซ่าระยะสั้น
  • ผู้ที่เดินทางบ่อย ๆ และมีประวัติการเดินทางที่ดีจะได้รับวีซ่าสำหรับเข้าออกหลายครั้ง ซึ่งจะมีอายุยาวนานขึ้นในแต่ละครั้งที่ขอ โดยเริ่มจาก 1 ปี จนถึงมากที่สุด 5 ปี
  • เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบการปฏิบัติตามเงื่อนไขการเข้าประเทศของนักเดินทางแต่ละคนอย่างละเอียด ส่วนคนที่ไม่เคยมีประวัติเสียนั้นจะได้รับวีซ่าสำหรับเข้าออกหลายครั้งที่มีอายุการใช้งานนาน
  • ผู้ถือวีซ่าสำหรับเข้า-ออกหลายครั้ง สามารถเดินทางเข้ามาใน EU ได้ไม่จำกัดครั้งตลอดระยะเวลาที่วีซ่ายังไม่หมดอายุ

ประเทศสมาชิกในกลุ่มเช้งเก้น

ประเทศที่อนุญาตให้ประชาชนในกลุ่มเชงเก้นสามารถเดินทางระหว่างกันโดยไม่ต้องถือหนังสือเดินทาง และประชาชนจากประเทศนอกกลุ่มเชงเกนเดินทางระหว่างประเทศเชงเกนได้โดยใช้วีซ่าเพียงใบเดียว มีดังนี้

  1. ออสเตรีย
  2. เบลเยียม
  3. สาธารณรัฐเช็ค
  4. เยอรมนี
  5. เดนมาร์ก
  6. เอสโตเนีย
  7. กรีซ
  8. สเปน
  9. ฟินแลนด์
  10. ฝรั่งเศส
  11. ฮังการี
  12. อิตาลี
  13. ลิกเตนสไตน์
  14. ลิทัวเนีย
  15. ลักเซมเบิร์ก
  16. ลัตเวีย
  17. มอลตา
  18. เนเธอร์แลนด์
  19. โปแลนด์
  20. โปรตุเกส
  21. สวีเดน
  22. สโลวาเนีย
  23. สโลวาเกีย
  24. ไอซ์แลนด์
  25. นอร์เวย์
  26. สวิสเซอร์แลนด์ 

ประเภทของวีซ่าเช้งเก้น

วีซ่าเชงเก้นแบบพำนักระยะสั้น

  • อยู่ในประเทศไม่เกิน 90 วัน
  • จำนวนวันที่ได้รับในวีซ่ามีหลักๆ 3 แบบ คือ Single Entry (ใช้ได้ครั้งเดียว) หรือ Double Entry (ใช้ได้ 2 ครั้ง) หรือ Multiple Entry (ใช้ได้ไม่จำกัดจำนวนครั้งตามอายุของวีซ่า) ซึ่งจำนวนวันที่จะได้รับนั้นขึ้นอยู่กับการพิจารณาของสถานทูต

วีซ่าเชงเก้นเมื่อเดินทางหลายประเทศ

  • กรณีมีประเทศหนึ่งประเทศใดในกลุ่มเชงเก้นที่ต้องอยู่นานกว่าประเทศอื่น ๆ ต้องยื่นคำร้องขอวีซ่าเชงเก้นที่ประเทศนั้น เช่นเที่ยวสเปน 4 วัน สวิตเซอร์แลนด์ 4 วัน แล้วปิดท้ายด้วยนอร์เวย์ 5 วัน ต้องยื่นขอวีซ่าเชงเก้นที่สถานทูตนอร์เวย์
  • กรณีเดินทางหลายประเทศและอยู่ในประเทศนั้นๆระยะเวลาเท่ากัน ต้องยื่นวีซ่าเชงเก้นที่ประเทศแรกที่เดินทางไป
  • อายุของวีซ่าเชงเก้นนั้นขึ้นอยู่กับการพิจารณาของสถานทูต

ขั้นตอนการขอวีซ่าเช้งเก้น

  • ยื่นคำร้องขอวีซ่าเชงเก้นผ่านสถานทูตโดยตรง
    1. ยื่นคำร้องผ่านศูนย์รับคำร้องขอวีซ่า VFS Global
    2. ยื่นคำร้องผ่านศูนย์รับคำร้องขอวีซ่า TLS Contact
    3. ยื่นคำร้องผ่านศูนย์รับคำร้องขอวีซ่า BLS International
  • สามารถยื่นคำร้องขอล่วงหน้าได้ไม่เกิน 90 วัน แต่ต้องไม่น้อยกว่า 15 วันก่อนการเดินทาง
  • ดาวน์โหลดแบบฟอร์ม Schengen Visa Application หรือกรอกข้อมูลผ่านระบบออนไลน์

เอกสารการขอวีซ่าเช้งเก้น

  1. กรอกใบคำร้องขอวีซ่า
    เตรียมเอกสารทำวีซ่า สามารถดาวน์โหลด ได้จากเวปไซต์ของสถานทูตในประเทศที่คุณจะไปเป็นหลัก การเตรียมเอกสารทำวีซ่า หลังจากกรอกใบคำร้องขอวีซ่าแล้วสามารถยื่นเอกสารได้ที่สถานทูต หรือหน่วยงานที่เป็นผู้จัดการรับเอกสารการยื่นคำร้องขอวีซ่า โดยควรยื่นไม่เกิน 3 เดือนก่อนเดินทาง และไม่น้อยกว่า 15 วันก่อนเดินทาง
  2. พาสปอร์ต
    พาสปอร์ตต้องมีอายุไม่น้อยกว่า 3 เดือนจากวันที่เดินทางกลับ และพาสปอร์ตควรมีที่ว่างอย่างน้อย 2 หน้า และควรเตรียมสำเนาไว้อย่างน้อยๆ 2 ฉบับ
  3. รูปถ่าย
    รูปถ่ายขนาด 2 นิ้ว 2 รูป สีพื้นหลังควรเป็นสีขาว หรือสีอ่อน ถ่ายไว้ไม่เกิน 6 เดือน
  4. หนังสือรับรองการทำงาน
    หนังสือรับรองการทำงานที่เป็นภาษาอังกฤษ และเอกสารมีอายุไม่เกิน 1 เดือน
  5. หนังสือรับรองจากธนาคาร
    รายการเดินบัญชีเงินฝาก ย้อนหลังไม่ต่ำกว่า 6 เดือน , สลิปเงินเดือน
  6. รวบรวมเอกสารสำเนาการจองที่พัก และตั๋วโดยสาร
    ใบยืนยันการจองโรงแรมที่พัก , ใบยืนยันการจองตั๋วเครื่องบิน
  7. รายละเอียดแผนการเดินทาง
    ใบยืนยันการจองตั๋วรถไฟ/รถเช่า อาจเขียนเป็นรายวันว่า ไปประเทศใด เข้าพักที่ไหน เดินทางอย่างไร แบบละเอียด
  8. หนังสือเชิญจากบริษัท หน่วยงาน ที่ระบุวัตถุประสงค์ชัดเจน
    หรือหนังสือรับรองความสัมพันธ์ทางครอบครัวระหว่างผู้เชิญและผู้ยื่นวีซ่า (เช่น สูติบัตรหรือสำเนาทะเบียนบ้าน)
  9. ค่าธรรมเนียม
    ค่าธรรมเนียมในการทำวีซ่า ประมาณ 2,500 บาท
  10. กรรมธรรม์ประกันภัยการเดินทาง
    ทำประกันภัยการเดินทางที่มีวงเงินประกันไม่น้อยกว่า 30,000 ยูโรหรือ 1,500,000 บาท

ประเทศที่ต้องยื่นผ่านศูนย์รับคำร้องขอวีซ่า (BLS)
• สเปน (Spain)

เช็กสถานที่ในการขอวีซ่าเช้งเก้นในยุโรป เพราะแต่ละประเทศจะยื่นขอวีซ่าแตกต่างกันไป ดังนี้

ลำดับที่ ประเทศในยุโรป สถานที่ขอวีซ่าเชงเก้น ที่อยู่และเบอร์ติดต่อ วันเวลาติดต่อ
1 กรีซ, ฮังการี, ลัตเวีย, ลิทัวเนีย, ลักเซมเบิร์ก, โปแลนด์, สโลวาเนีย ยื่นคำร้องขอวีซ่าเชงเก้นผ่านสถานทูตโดยตรง หรือ ยื่นคำร้องผ่านศูนย์รับคำร้องขอวีซ่า VFS Global อาคารจามจุรีสแควร์ ชั้น 4 ห้อง 404-405 ถ.พญาไท ปทุมวัน กทม. 10330

โทร. 02 118 7015

วันจันทร์–ศุกร์ เวลา 08.30 – 16.00 น.
2 ออสเตรีย, เบลเยียม, สาธารณรัฐเช็ก, เดนมาร์ก, เอสโตเนีย, ฟินแลนด์, เยอรมัน, ไอซ์แลนด์, อิตาลี, ลิคเทนสไตน์, มอลตา, เนเธอร์แลนด์, สโลวีเนีย, สวีเดน และ สวิตเซอร์แลนด์ ยื่นคำร้องผ่านศูนย์รับคำร้องขอวีซ่า TLS Contact สาทรซิตี้ทาวเวอร์ 175 ชั้นที่ 12 ถ.สาทรใต้ ทุ่งมหาเมฆ สาทร กทม. 10120

โทร. 02 838 6688

วันจันทร์–ศุกร์ เวลา 08.30 – 16.00 น.
3 ฝรั่งเศส สเปน และโปรตุเกส ยื่นคำร้องผ่านศูนย์รับคำร้องขอวีซ่า BLS International 399 อาคารอินเตอร์เชนจ์ชั้น B2 ห้อง A/1 ถ.สุขุมวิท คลองเตยเหนือ วัฒนา กทม. 10110

โทร. 02 258 3524

วันจันทร์–ศุกร์ เวลา 08.30 – 16.00 น.


** Note: การขอวีซ่าเชงเก้นทุกประเทศจะต้องทำประกันการเดินทาง ที่มีวงเงินไม่น้อยกว่า 30,000 ยูโร ซึ่งแต่ละประเทศยังมีข้อกำหนดบริษัทประกันภัยที่ได้รับการยอมรับอีกด้วย คุณจำเป็นต้องตรวจสอบรายชื่อและใช้บริการกับบริษัทประกันภัยที่ได้รับการยอมรับเท่านั้น และจะต้องได้รับการยอมรับจากหลายประเทศทั่วโลก มั่นใจได้ว่า การขอวีซ่าเช้งเก้นของคุณจะมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น !!

ไอเดีย 5 ประเทศยุโรปในฝัน ที่ต้องไปเยือนสักครั้งแค่มี ‘วีซ่าเช้งเก้น’

หลังจากเตรียมตัวขอวีซ่าเชงเก้นเป็นที่เรียบร้อย เราชวนคุณมาเช็ก 5 สถานที่ท่องเที่ยวในฝันของยุโรป ที่มีเสน่ห์ทั้งในด้านประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรม สถาปัตยกรรม รวมถึงความสวยงามของธรรมชาติ จนหลายคนอยากมาเยือนสักครั้งในชีวิต ส่วนจะมีที่ไหนบ้างมาดูกันดีกว่า

1. ตามล่าหาแสงเหนือที่ ‘ไอซ์แลนด์’ (Iceland)

ไอซ์แลนด์

    ใครที่เป็นสายธรรมชาติต้องไม่พลาดไอซ์แลนด์ ดินแดนที่ครบเครื่องเรื่องธรรมชาติสวยสะกดจนต้องหาโอกาสไปเที่ยวสักครั้ง ไอซ์แลนด์ตั้งอยู่ระหว่างกรีนแลนด์ นอร์เวย์ และสหราชอาณาจักร แม้หลายคนจะใฝ่ฝันอยากไปนอนดูแสงเหนือใน Glass Igloo แต่รู้ไหมว่า ไอซ์แลนด์ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวสวย ๆ มากมาย อาทิ

  • บลูลากูน (Blue Lagoon) บ่อน้ำแร่สีฟ้าใสที่ใครได้ลงไปแช่ตัวแล้วจะช่วยให้สุขภาพดีและผิวเปล่งประกายขึ้น
  • น้ำตกเซลจาลันด์ฟอสส์ (Seljalandsfoss Waterfall) น้ำตกที่สวยงามติดอันดับต้นของประเทศที่มีความสูงกว่า 60 เมตร
  • เวสท์ฟยอร์ด (Westfjords) ดินแดนที่เต็มไปด้วยเรื่องเล่าลึกลับ เวทมนตร์คาถา และประเพณีเก่าแก่
  • ล่าแสงเหนือ หรือ แสงออโรร่า (Aurora Borealis) ใครอยากไปล่าแสงเหนือในช่วงเวลาที่ท้องฟ้ามืดสนิทที่สุด แนะนำช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงมกราคม เพราะคุณจะสามารถชมแสงออโรร่าได้ตั้งแต่ช่วงเย็นจนถึงเที่ยงของวันถัดไป และเก็บภาพแสงสวย ๆ ได้เพียบ

2. ต้องมนต์สะกดของธรรมชาติที่ ‘สวิตเซอร์แลนด์’ (Switzerland)

สวิตเซอร์แลนด์

    สถานที่ท่องเที่ยวในฝันของหลายคน ด้วยความสวยงามบริสุทธิ์ของธรรมชาติ และท่องเที่ยวได้ทุกฤดูกาล สวิตเซอร์แลนด์ยังได้ชื่อว่าเป็นดินแดนที่โรแมนติก จึงเหมาะสำหรับคู่รักจนถึงการพักผ่อนกับครอบครัว และมีสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังระดับโลกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น

  • ยอดเขาแมทเทอร์ฮอร์น (Matterhorn) ที่สูงที่สุดในเทือกเขาแอลป์ โดยมีความสูงเหนือระดับน้ำทะเลถึง 4,478 เมตร
  • น้ำตกไรน์ (Rhein fall) น้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป มีความสูงถึง 23 เมตรและความกว้างกว่า 150 เมตร นอกจากนี้ ยังมีธรรมชาติที่สวยงามราวต้องมนต์สะกดอีกด้วย
  • ธารน้ำแข็งอเลิท์ซ กลาเซียร์ (Aletsch Glacier) ธารน้ำแข็งที่ยาวที่สุดในบรรดาธารน้ำแข็งของเทือกเขาแอลป์ มีความยาวถึง 22 กิโลเมตร
  • ทะเลสาบโอชิเนน (Oeschinen Lake) ตั้งอยู่ตรงกลางหุบเขาโอชิเนนที่ระดับความสูง 1,578 เมตร แม้จะเป็นทะเลสาบขนาดเล็กเพียง 1 ตารางกิโลเมตร แต่ก็มีความสมบูรณ์ของธรรมชาติ
  • ทะเลสาบลูเซิร์น (Lucerne lake) ทะเลสาบที่สวยที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์ โอบล้อมด้วยภูเขาและบ้านเรือนที่มีเอกลักษณ์ รวมถึงดอกไม้ที่ผลิบานตามฤดูกาล

3. ลื่นไหลไปตามท่วงทำนองดนตรีที่ ‘ออสเตรีย’ (Austria)

ออสเตรีย

    เอาใจคนรักศิลปะ ดนตรี และสถาปัตยกรรมสวย ๆ ท่ามกลางบรรยากาศที่แสนจะโรแมนติกของกรุงเวียนนา (Vienna) เมืองหลวงของออสเตรียที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นเมืองที่คุณภาพชีวิตดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โอบล้อมไปด้วยความสวยงามของธรรมชาติและขุนเขา ใครมาออสเตรียและต้องไม่พลาดสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากมาย

  • พระราชวังเชินบรุนน์ (Schoenbrunn Palace) พระราชวังฤดูร้อนของราชวงศ์ฮับสเบิร์ก ซึ่งสร้างขึ้นปลายศตวรรษที่ 17
  • จัตุรัสสเตฟาน (Stephansplatz) ศูนย์กลางของเวียนนาและเป็นที่ตั้งของ มหาวิหารเซนต์สตีเฟน (St. Stephen Cathedral) สถาปัตยกรรมโกธิคที่อ่อนช้อยงดงาม
  • บ้านดนตรี (House of Music) พิพิธภัณฑ์ดนตรีและสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของศิลปินชื่อดังระดับโลก อาทิ ลุดวิก ฟาน เบโธเฟิน (Ludwig Van Beethoven) โวล์ฟกัง อะมาเดอุส โมซาร์ท (Wolfgang Amadeus Mozart) โยฮัน สเตราส (Johann Strauss) มาแล้วคุณจะสัมผัสถึงแรงบันดาลใจที่ทำให้เวียนนา เป็นบ้านเกิดของเหล่าศิลปินระดับโลก
  • สวนสนุกพราเตอร์ (Prater) สวนสนุกที่ใหญ่ที่สุดของออสเตรีย พร้อมให้คุณชมความสวยงามของเมืองบนชิงช้าสูงกว่า 200 ฟุต ที่อยู่คู่กรุงเวียนนามาตั้งแต่ปี ค.ศ.1879

4. ท่องไปในประวัติศาสตร์โรมัน และอัปเดตแฟชั่นที่ ‘อิตาลี’ (Italy)

อิตาลี
View of Colosseum in Rome and morning sun, Italy, Europe.

    นอกจากจะเป็นจุดหมายยอดนิยมของคนรักแฟชั่น แล้วอิตาลียังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในฝันของคนที่หลงใหลในสถาปัตยกรรมเก่าแก่ สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ มรดกโลก และอาหารอิตาเลียนที่มีเสน่ห์เฉพาะตัว มาเที่ยวอิตาลีแล้วต้องไม่พลาด

  • กรุงโรม (Rome) เมืองหลวงที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานมากกว่า 2,800 ปี และยังเป็นที่ตั้งของนครรัฐวาติกัน (Vatican City) ที่ประทับประมุขแห่งคริสตจักรโรมันคาทอลิก
  • โคลอสเซียม (The Colosseum of Rome) หนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่สร้างขึ้นในสมัยของจักรพรรดิเวสปาเซียน และเป็นสิ่งก่อสร้างที่แสดงถึงความรุ่งโรจน์ของอาณาจักรโรมันโบราณ
  • น้ำพุเตรวี (Fontana di Trevi) น้ำพุที่โด่งดังที่สุดและสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของอิตาลี มีรูปปั้นของเทพเจ้าเนปจูน (Neptune) หรือ ‘เทพแห่งท้องทะเล’ ขี่รถม้าติดปีก แสดงถึงความมีสุขภาพแข็งแรงและความอุดมสมบูรณ์ของอาณาจักรโรมัน เชื่อกันว่า ใครมาเที่ยวน้ำพุเตรวีแล้วต้องโยนเหรียญลงในสระ เพื่อจะได้กลับมาเยือนกรุงโรมอีกครั้ง
  • หอเอนเมืองปิซา (Leaning Tower of Pisa) หอระฆังใหญ่ของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก และเป็นหนึ่งในมรดกโลกที่ตั้งอยู่ที่จัตุรัส Piazza del Duomo ( จัตุรัสดูโอโมแห่งปิซา) สร้างด้วยหินอ่อนสีขาวและเอียงจากพื้นประมาณ 3.97 องศา โดยบริเวณยอดของหอระฆังห่างจากแนวตั้งฉากของพื้นถึงประมาณ 3.9 เมตรเลยทีเดียว
  • เวนิส (Venice) หนึ่งในสถานที่โรแมนติกและสถานที่ฮันนีมูนของหลายคู่รัก เวนิสเป็นเกาะที่อยู่ห่างออกไปในทะเลเอเดรียติก เกิดจากการเชื่อมเกาะเล็ก ๆ จำนวน 118 เกาะและมีสะพานเชื่อมกว่า 400 แห่ง มาแล้วต้องนั่งเรือกอนโดลา (Gondola) ชมความสวยของเวนิสในแบบที่ไม่เหมือนที่ไหนในโลก

5. ถนนสายโรแมนติกและเมืองน่ารักดังเทพนิยายใน ‘เยอรมนี’ (Germany)

เยอรมัน

    นอกจากจะเลื่องชื่อด้านวิศวกรรมศาสตร์ เทคโนโลยี ยานยนต์ และอุตสาหกรรม เยอรมนียังเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวทั่วโลกที่มีสถาปัตยกรรมสวย ๆ มากมาย ทั้งยังเป็นสถานที่ฮันนีมูนในฝันของเหล่าคู่รัก และสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์มากมาย ไม่ว่าจะเป็น

  • ปราสาทน็อยชวานชไตน์ (Neuschwanstein Castle) สร้างขึ้นโดยพระเจ้าลุดวิกที่ 2 แห่งบาวาเรีย ผู้ทรงหลงใหลในศิลปะ บทกวี วรรณกรรม และดนตรี มากกว่าที่จะใส่ใจเรื่องการปกครองบ้านเมือง พระองค์ทรงสร้างปราสาทแห่งนี้ด้วยแรงบันดาลใจที่ได้จากตำนานเทพพื้นบ้านของชาวเยอรมันและไวกิ้ง
  • ถนนสายโรแมนติก (Romantic Road) ถนนที่มีความยาวประมาณ 350 กิโลเมตร ผ่านเมืองเล็ก ๆ ที่น่ารักราวกับเมืองในเทพนิยาย แล้วยังมีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรมอันงดงาม และศิลปะวัฒนธรรมของยุโรปในยุคกลาง  
  • โคโลญ (Cologne) เมืองที่ตั้งอยู่บนแม่น้ำไรน์ในรัฐนอร์ทไรน์-เวสต์ฟาเลีย ถือเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ด้วยความเป็นเมืองเก่าแก่แต่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาและที่ตั้งของ ‘มหาวิหารโคโลญ’ คริสตจักรโกธิคที่สวยงาม ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น 1 ใน 12 คริสตจักรโรมันอันงดงามของสถาปัตยกรรมยุคกลาง
  • เมืองโรเธนเบิร์ก ออบ เดียร์ เทาเบอร์  (Rothenburg ob der Tauber) เมืองเก่าแก่ของจักรวรรดิ์ฟรังค์ในเขตบาวาเรีย (Bavaria) ประเทศเยอรมนี ที่รุ่มรวยด้วยสถาปัตยกรรมโกธิคและเรอเนสซองส์ แล้วยังได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่สวยที่สุดจนได้รับฉายา “เมืองเทพนิยายแห่งเยอรมนี”

    จริง ๆ แล้วยุโรปยังมีอีกหลายประเทศที่เป็นสถานที่ในฝันของนักท่องเที่ยวทั่วโลก เรียกว่าขอวีซ่าเชงเก้นแล้วก็ต้องไปเที่ยวให้คุ้ม จะให้ดีควรให้ความสำคัญกับการเลือกซื้อ “ประกันการเดินทางต่างประเทศ” ที่มีคุณภาพและน่าเชื่อถือเพื่อใช้ประกอบการยื่นเอกสารในการขอวีซ่า มั่นใจได้ว่า หากคุณยื่นวีซ่าไม่ผ่านเรายินดีคืนค่าเบี้ยประกัน 100% สนใจสอบถามเพิ่มเติม คลิกได้ที่นี่

 

บริการต่อวีซ่าเช้งเก้น สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย ต้อง 

ทำไมถึงถูกปฏิเสธวีซ่า?

บทความที่เกี่ยวข้อง