แพลนไป อิตาลี

แพลนไปเที่ยว อิตาลีวันหยุดยาวแบบโฮ่ง! พร้อม 15 จุดแลนมาร์คสุดปัง ที่ทุกคนไม่ควรพลาด 

การไปเที่ยวต่างประเทศ ทำให้เราได้เห็นบ้านเมือง และเรียนรู้วัฒนธรรมของประเทศอื่น วันนี้เราจะมาแจกแพลนไป อิตาลีวันหยุดยาว 9 วัน 8 คืน Rome- Pompeii ซึ่งเป็นประเทศที่เราไปเที่ยวล่าสุด เราชอบเที่ยวต่างประเทศด้วยตัวเองเพราะเรารู้สึกว่า การได้เดินทางด้วยตัวเองเป็นประสบการณ์หนึ่งที่น่าจดจำ มากกว่าแค่ได้ถ่ายภาพความสวยงามของสถานที่ท่องเที่ยว

การไปเที่ยวไม่จำเป็นว่าเราต้องไปเดินเที่ยวคนเดียว เราอาจจะชวนเพื่อนที่มีไลฟ์สไตล์หรือความชอบเหมือนกันหรือ ชวนแฟนไปเที่ยวด้วยกัน ก็จะได้ความสนุกไปอีกแบบ สำหรับเราไปเที่ยวประเทศอิตาลีช่วงฤดูใบไม้ร่วง เดือนตุลาคม ถือเป็นช่วงที่ดี เพราะ

1. อากาศไม่ร้อนมาก ซึ่งอากาศจะคล้ายหน้าหนาวบ้านเรา คือ อากาศเย็นช่วงเช้า สาย ๆ อากาศก็อุ่นขึ้น ทำให้ไม่ต้องใส่เสื้อกันหนาว เทียบกับเพื่อนเราพาครอบครัวไปเที่ยวช่วงเดือนกรกฎาคม ที่แทบเดินเที่ยวไม่ได้ เพราะช่วงนั้นอากาศในประเทศอิตาลีร้อนมาก ถึงมากที่สุด
2. เลือกประเทศอิตาลี เพราะเราชื่นชอบอาณาจักรโรมันโบราณ และรู้สึกประทับใจมาก จึงอยากเอาแพลนเที่ยววันหยุดยาวต่างประเทศที่ประเทศอิตาลีมาฝากกัน
3. เราคาดว่าการไปเที่ยวประเทศอิตาลีช่วงเดือนตุลาคม นักท่องเที่ยวจะน้อย เพราะช่วงพักร้อนในยุโรปสิ้นสุดลง ทำให้ช่วยประหยัดค่าที่พักได้บ้าง แต่เราก็คาดผิด เพราะที่พักในกรุงโรมมีแต่ที่พักราคาค่อนข้างสูง ทั้งนี้อาจจะเพราะเราวางแผนเที่ยวประเทศอิตาลีแบบกระชั้นชิดเกินไป ทำให้ตัวเลือกที่พักมีน้อย

แพลนคร่าวๆ สำหรับการเที่ยววันหยุดยาวสุดปัง! ประเทศอิตาลี 9 วัน 8 คืน

เรามาดูกันเลยค่ะ แพลนเที่ยววันหยุดยาวต่างประเทศ ประเทศอิตาลีRome- Pompeii มีอะไรน่าสนใจบ้าง

Day 1 เดินทางด้วยสายการบิน SAS

Day 2 เดินเที่ยว Colosseum, Roman Forum, Circus Maximus, Pantheon and Trevi Fountain

Day 3 ชม St. Peter’s Basilica & vatican city

Day 4 เข้าชม Vatican Museums, Sistine Chapel

Day 5 ชม Spanish steps & Colosseum (ย้อนมาเก็บภาพความสวยงามช่วงบ่าย)

Day 6 เดินทางด้วยรถไฟไป Pompeii

Day 7 เที่ยวชม Archaeological Park of Pompeii

Day 8 ขึ้นชมภูเขาไฟ Mt. Vesuvius

Day 9 เดินทางกลับประเทศสวีเดน ด้วยสายการบินสวิส

งบประมาณเที่ยวประเทศอิตาลี 9 วัน 8 คืน Rome – Pompeii

ค่าตั๋วเครื่องบินและที่พักเที่ยวประเทศอิตาลี Rome- Pompeii
สำหรับค่าตั๋วเครื่องบินเดินทางไปเที่ยวประเทศอิตาลี เราเดินทางมาทำงานที่ประเทศสวีเดนก่อนโดยใช้บริการสายการบินไทยมาลงที่กรุงสต๊อกโฮล์มใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 ชั่วโมง และเราใช้คะแนนสะสมแลกตั๋วเครื่องบินไปเที่ยวประเทศอิตาลีต่อ อ่านต่อได้ใน รีวิว ใช้คะแนนสะสม Eurobonus แลกตั๋วเครื่องบินฟรีเที่ยวประเทศอิตาลี (trueid.net) ทำให้เราประหยัดค่าตั๋วเครื่องบินเดินทางไปประเทศอิตาลีได้บางส่วน โดยเราจ่ายค่าตั๋วทั้งหมดประมาณ 8800 บาทต่อสองคน หรือประมาณ 4400 บาทต่อคน โดยขาไปเราเดินทางด้วยสายการบิน SAS และขากลับเราเดินทางกลับประเทศสวีเดนด้วยสายการบินสวิส

ส่วนที่พักในการเที่ยวประเทศอิตาลีครั้งนี้ อย่างที่บอกว่าเราแพลนเที่ยวค่อนข้างกระชั้นชิดทำให้เราเลือกที่พักในกรุงโรมเป็น Bed & Breakfast แต่ไม่มีอาหารเช้าให้ และเลือกที่พักที่อยู่ไกลชุมชมพอสมควร เพราะต้องการความปลอดภัย ซึ่งที่พักตั้งอยู่ชานเมืองกรุงโรม เดินทางด้วยรถไฟใช้เวลาเดินทางเข้ามาในเมืองประมาณ 15 นาที ค่ารถไฟต่อเที่ยว 1,5 ยูโร (ประมาณ 57 บาทต่อเที่ยว) ส่วนที่พักในเมือง ปอมเปอี เป็น Bed & Breakfast เช่นกัน ตั้งอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟมากนัก และห่างจากแหล่งท่องเที่ยวประมาณ 200 เมตร โดยเราอ่านจากรีวิวว่าดีมากและก็ดีจริงอย่างที่มีคนรีวิว เพราะคุณป้าเจ้าของบ้านใจดีมากแถมบ้านดูแน่นหนาปลอดภัยสูง เดี๋ยวจะมารีวิวให้อ่านอย่างละเอียดอีกทีค่ะ จ่ายค่าที่พักไปทั้งหมดประมาณ 33,000 บาท สำหรับเที่ยววันหยุดยาว ประเทศอิตาลี 8 คืน 9 วัน ต่อสองคน

สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศอิตาลีRome- Pompeii
สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศอิตาลีRome- Pompeii ถ้าต้องการเข้าชมด้านในต้องเสียค่าบัตรเข้าชมเป็นส่วนใหญ่สถานที่ที่ต้องเสียบัตรเข้าชม เช่น Colosseum, Vatican Museums, Archaeological Park of Pompeii, Mt. Vesuvius และถ้าต้องการไกด์นำเที่ยวด้วยก็จะต้องเสียเงินแยกต่างหาก ใครที่มีเวลาไม่มาก และไม่อยากอ่านข้อมูลเอง จะใช้บริการไกด์นำเที่ยวก็สะดวกดี แต่ก็อาจจะทำให้เราไม่สามารถใช้เวลาชื่นชมสถานที่ที่เราสนใจได้ เพราะเราจะต้องเดินตามไกด์นำเที่ยวไปเรื่อย ๆ สำหรับเราเข้าชมด้านในสถานที่ท่องเที่ยวในกรุงโรม และเมืองปอมเปอี (Pompei) ประเทศอิตาลีเป็นส่วนใหญ่

อาหารและเครื่องดื่ม ทริปเที่ยวประเทศอิตาลี ประมาณคนละ 20,000 บาท
อาหารอิตาเลียน เป็นหนึ่งในอาหารที่ดังและเป็นที่นิยมระดับโลก ที่เรารู้จักกันดีเช่น พิซซ่า พาสต้า ซึ่งโดยส่วนตัวเราไม่ได้ชื่นชอบอาหารแนวนี้มากนัก แต่เราก็ไม่ได้ใหม่ในวงการอาหารอิตาเลียนเช่นกัน เพราะญาติแฟนแต่งงานกับคนอิตาเลียน และเคยอยู่อาศัยที่ประเทศอิตาลีมาก่อน เค้าแนะนำอะไรมา เราก็ตามไปชิมหลายอย่าง อาหารบางอย่างก็อร่อย บางอย่างก็เฉย ๆ บางอย่างก็ไม่ได้ประทับใจอะไรมากนัก ร้านอาหารที่เราประทับใจมาก คือร้าน Locanda Baffolona ซึ่งตั้งอยู่ใกล้ที่พักของเรา ที่นี่ลูกค้าเต็มร้านทุกวัน อร่อยทั้งเมนูคาว และเมนูหวานโดยเฉพาะทีรามิสซุ ราคาอาหารที่กินครบทั้งอาหารคาว อาหารหวาน ตกมื้อละประมาณ 80 ยูโร หรือประมาณมื้อละ 3000 บาทต่อสองคน

ร้านขนมหวานที่อร่อยไม่แพ้กันชื่อร้าน Pompi ตั้งอยู่ตรงข้าม Spanish steps และร้านไอติมเจลาโต้อร่อยหลายร้าน แต่ที่ประทับใจมากคือร้าน Gelato lab เพราะไอติมเจลาโต้ได้รสชาติมะพร้าวแบบเต็ม ๆ โดยส่วนตัวเราเอง แม้อาหารอิตาเลียนจะไม่มีพริกเป็นส่วนประกอบ แต่ก็เป็นอาหารที่รสชาติดี คนอิตาเลียนโดยส่วนใหญ่นิยมดื่ม คาปูชิโน และรับประทานขนมปังหวานเป็นอาหารเช้า สำหรับค่าอาหารและเครื่องดื่ม เราเป็นเป็นคนไม่ชอบเครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอล์ ส่วนแฟนจะดื่มเบียร์ 1-2 ขวดร่วมกับมื้ออาหารเท่านั้น และเราก็ไม่ได้จำกัดงบค่าอาหารมากนัก อยากกิน หรือชิมอะไรก็ชิม โดยไม่เน้นว่าต้องเป็นร้านแบบไหน อยู่ใกล้ หรือไกล หรู หรือข้างทาง แต่เราก็เป็นคนที่กินอาหารต่อมื้อค่อนข้างน้อย ค่าอาหารทั้งหมด 1000 ยูโร หรือประมาณ 40,000 บาทต่อสองคน ตกคนละประมาณ 20,000 บาท

ค่ารถไฟ ค่าเข้าชมสถานที่ และอื่น ๆ ทริปเที่ยวประเทศอิตาลี คนละประมาณ 7600 บาท
ทริปเที่ยวอิตาลีรอบนี้ เราเข้าไปชมสถานที่ด้านในหลายที่ เช่น ใน Vatican Museums, Archaeological Park ofPompeii, Mt. Vesuvius เดี๋ยวจะมารีวิวให้อ่านอย่างละเอียดอีกทีค่ะ สำหรับเราแล้วสถานที่ ๆ เราเข้าไปชมด้านในทั้งหมด แม้เราจะรู้สึกว่าแพง แต่เราก็คิดว่าคุ้มค่าค่ะ ค่าใช้จ่ายในส่วนนี้รวมทั้งหมดประมาณ 400 ยูโร หรือประมาณ 15,200 บาทต่อสองคน ตกคนละประมาณ 7600 บาท สถานที่ท่องเที่ยวแต่ละที่พื้นที่ค่อนข้างใหญ่ และใช้เวลามาก ดังนั้นอาจจะต้องเตรียมสภาพร่างกาย และรองเท้าให้พร้อมกับการเดิน

สรุปรายจ่ายต่อคนเที่ยวประเทศอิตาลี 9 วัน 8 คืน Rome – Pompeii
– ค่าเครื่องบิน 4400 บาท ถ้าเป็นการเดินทางมาจากประเทศไทยโดยตรงค่าตั๋วเครื่องบินมีตั้งแต่ราคาประมาณ 30,000 หมื่นบาทขึ้นไป
– ค่าที่พัก 16500 บาท
– ค่าอาหารและเครื่องดื่ม 20,000 บาท
– ค่าเดินทางและอื่น ๆ 7600 บาท
รวมทั้งหมด 48,500 บาทและถ้าจ่ายตั๋วเครื่องบินจากเมืองไทยมาลงที่กรุงโรมประเทศอิตาลี ค่าใช้จ่ายทั้งทริปประมาณ70,000- 80,000 บาท สำหรับใครอยากได้ตั๋วเครื่องบินราคาประหยัด เราชอบใช้ skyscanner ในการเปรียบเทียบราคาตั๋วเครื่องบินค่ะ แต่ถ้าเพื่อนๆ อย่างเที่ยวอย่างสะดวกสบาย เราขอแนะนำให้ใช้บริการ MESUB TRAVEL เนื่องจากมีทีมงานคอยให้คำแนะนำ และดูแลเป็นอย่างดี สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่นี่

ต่อไปเรามาดู 15 จุดถ่ายรูปสวย จุดแลนมาร์คชมวิวอิตาลีปังๆ สุดอลังการกันบ้างง

แพลนไป อิตาลี

อยากเก็บกระเป๋า ไปจองตั๋วเครื่องบินไปเที่ยวยุโรปกันแล้วใช่ไหมในตอนนี้ เพราะว่าโซนยุโรปนั้นสามารถบินไปเที่ยวได้แบบไม่ต้องกักตัว เพียงแค่มีวีซ่า (Visa) พร้อม ตั๋วเครื่องบิน และที่พักพร้อม ก็เตรียมตัวบินไปเที่ยวกันได้เลย ซึ่งหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจก็คือ “อิตาลี” (Italy) จุดหมายปลายทางสุดสวย เป็นที่น่าเที่ยวที่สุดของยุโรปใต้ แหล่งอารยธรรมโรมันโบราณและมรดกโลก บรรยากาศแสนคลาสสิก อบอวลไปด้วยความโรแมนติก และมีความสวยงามเป็นเอกลักษณ์ ทั้งอาคารบ้านเรือน สถาปัตยกรรม และวิวทิวทัศน์ของธรรมชาติ

สุดยอดประเทศแห่งศิลปะแดน ยุโรป ยังไงก็ต้องมี อิตาลี อยู่ในนั้น เพราะนอกจากจะอบอวลไปด้วยศิลปะและวัฒนธรรมที่สืบต่อมาอย่างยาวนานแล้ว ทั้งสถาปัตยกรรม และทิวทัศน์อันงดงามของทะเลและภูเขาก็ยิ่งเพิ่มเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละเมืองด้วยเช่นกัน ถึงเวลาแล้วที่พวกเราจะไปเช็คอิน 15 เมืองสวย ที่เที่ยวอิตาลี พิกัดยอดฮิตตลอดกาล ไปดูกันว่าแต่ละเมืองจะสวยปังอลังการขนาดไหน

ปรึกษาโปรแกรมท่องเที่ยว จองทัวร์อิตาลีกับ MESUB TRAVEL > ที่นี่

1. กรุงโรม (Rome)

แพลนไป อิตาลี

กรุงโรม เมืองหลวงและเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 1 ของอิตาลี เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน สถานที่เที่ยวอิตาลีที่พลาดไม่ได้มีมากมาย อย่างเช่น “โคลอสเซียม” (Colosseum) ลานประลองแก่ผู้ต่อสู้ระหว่างนักรบกลาดิเอเตอร์และสัตว์ป่า “เนินเขาพาลาติเน” (Palatine Hill) ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของอาณาจักรโรมัน “โรมันฟอรัม” (Roman Forum) ศูนย์กลางการปกครองของชาวโรมันโบราณ และ “น้ำพุเทรวี” (Trevi fountain) จุดถ่ายรูปยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ใครที่แพลนจะไปเที่ยวโรม บอกเลยว่าต้องชาร์จแบตกล้องถ่ายรูปไปให้เต็มหน่อยละ เพราะที่เที่ยวสวยๆ เพียบเลย

2. เมืองเวนิส (Venice)

แพลนไป อิตาลี

มหาวิหารเซนต์มาร์ก ตั้งอยู่บนจัตุรัสซันมาร์โก (Piazza San Macro) เป็นหนึ่งในที่เที่ยวอิตาลีที่มีผู้เข้าชมมากที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองเวนิส หลังคาของมหาวิหารซานมาร์โกสร้างแบบโดมสุเหร่าของศาสนาอิสลาม ภายในมหาวิหารมีกระเบื้องโมเสกที่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 8 และส่วนใหญ่เป็นสีทองสว่างไสว อันเป็นที่มาของสมญา “โบสถ์ทอง” (Church of Gold) มหาวิหารแห่งนี้ยังมีวัตถุโบราณล้ำค่า ที่มีลักษณะเป็นแท่นกระดานที่สวยงามทำจากอัญมณีล้ำค่า เป็นรูปเกี่ยวกับพระเยซูและเรื่องราวทางศาสนา

4. น้ำพุเทรวี (Trevi Fountain)

แพลนไป อิตาลี

น้ำพุเทรวี เป็นน้ำพุแบบบาโรกที่ใหญ่ที่สุดในกรุงโรม ตั้งอยู่ที่เขตเทรวี ตรงทางสามแพร่งที่เชื่อมต่อของถนน 3 สาย และเป็นจุดปลายทางของ สะพานส่งน้ำเวอร์โก (Aqua Virgo) ซึ่งเป็นท่อส่งน้ำที่เก่าแก่ที่สุดของกรุงโรม นักท่องเที่ยวที่มาเยือนน้ำพุแห่งนี้ นอกจากจะต้องดื่มน้ำจากก๊อกน้ำที่อยู่ด้านข้างน้ำพุแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ห้ามพลาดคือ การโยนเหรียญลงไปในสระน้ำพุที่อยู่ด้านหน้า เชื่อกันว่า หากโยนเหรียญลงไปจะได้กลับมาเยือนกรุงโรมอีกครั้งหนึ่ง

5. กรุงมิลาน (Milan)

แพลนไป อิตาลี

มิลาน (Milan) อีกหนึ่งที่เที่ยวอิตาลีที่ห้ามพลาด เป็นเมืองหลักของแคว้นลอมบาร์เดีย (Lombardia) มีชื่อเสียงในด้านแฟชั่นและศิลปะ เป็นเมืองที่มีชีวิตชีวาที่สุดของอิตาลี จุดปักหมุดที่น่าสนใจได้แก่ “มหาวิหารแห่งเมืองมิลาน” (Milan Cathedral) เป็นมหาวิหารที่ยิ่งใหญ่สวยงามอลังการ “แกลเลอเรียเอ็มมานูเอล” (Galleria Vittorio Emanuele) และ “ปราสาทสฟอร์เซสโก้” (Castello Sforzesco) ป้อมปราสาทเก่าแก่หลายร้อยปี เป็นแหล่งรวมแกลลอรี่ และมี “พิพิธภัณฑ์ศิลปะโบราณ” (Museum of Ancient Art) ตั้งอยู่ภายใน

6. โคลอสเซียม (Colosseum)

แพลนไป อิตาลี

“โคลอสเซียม” หนึ่งในสถานที่เที่ยวอิตาลีที่มีชื่อเสียง เป็นสนามกีฬากลางแจ้งโบราณขนาดใหญ่ ที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ลักษณะเป็นอัฒจันทร์รูปวงกลมที่ก่อด้วยอิฐและหินทราย มีเส้นรอบวงประมาณ 527 เมตร สูงประมาณ 57 เมตร และสามารถบรรจุคนได้ร่วม 50,000 คน มีประตูทางเข้าทางเข้ามากกว่า 80 แห่ง ถือเป็นต้นแบบของสนามกีฬาต่างๆ ในเวลาต่อมา ปัจจุบันเหลือแต่ซากโครงสร้างอันใหญ่โตมโหฬารไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ชม

7. บันไดสเปน (Spanish Steps)

แพลนไป อิตาลี

“บันไดสเปน” ที่เที่ยวอิตาลีอันโด่งดังไปทั่วโลก เป็นบันไดที่กว้างและยาวที่สุดในทวีปยุโรป มีขั้นบันไดทั้งหมด 138 ขั้น

เดิมบริเวณนี้เคยเป็นที่ตั้งของสถานฑูตสเปน อันเป็นที่มาของชื่อบันไดนั่นเอง บริเวณโดยรอบบันไดสเปนแห่งนี้รายล้อมไปด้วยสถาปัตยกรรมโรมันที่งดงาม และยังเคยเป็นสถานที่ถ่ายภาพยนตร์ชื่อดังเรื่อง Roman Holiday บริเวณใกล้เคียงยังมีย่านช้อปปิ้งให้เดินเล่นเพลินๆ หรือมีร้านกาแฟเก่าแก่ที่สุดของกรุงโรมอย่าง “คาเฟ่เกร็กโก” (Cafe Gregco) ให้นั่งจิบกาแฟชิลๆ อีกด้วย

8. ทะเลสาบการ์ดา (Lake Garda)

แพลนไป อิตาลี

 

“ทะเลสาบการ์ดา” นับเป็นทะเลที่ใหญ่ที่สุดในอิตาลี เป็นที่เที่ยวอิตาลีที่ได้รับความนิยมที่สุด โดยตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเมืองเวโรนา (Verona) ทะเลสาบแห่งนี้เกิดจากการละลายของธารน้ำแข็งชื่อ “การ์ดา” (Garda) ทางตอนใต้ของทะเลสาบเป็นที่ตั้งของเมืองซีร์มิโอเน (Sirmione) เมืองเก่าแก่อายุนับ 2000 พันปี ที่มี ปราสาทสกาลีเจอร์ (Scaliger Castle) อันเก่าแก่งดงามเป็นแลนด์มาร์กของเมือง และมีร้านค้า บาร์ โรงแรม ร้านแฟชั่นและตลาดให้นักท่องเที่ยวได้เพลิดเพลินอีกด้วย

9. หมู่บ้านชิงเควเทเร (Cinque Terre)

แพลนไป อิตาลี

“ชิงเควเทเร” เป็นหมู่บ้านชาวประมงที่สวยที่สุดในโลก อายุเก่าแก่ถึง 1,300 ปี ตั้งอยู่ที่อิตาเลียนริเวียร่า ในแคว้นลิกูเรีย (Liguria) ทั้ง 5 หมู่บ้านที่อยู่ติดกันทอดยาวอยู่บนเนินผา มีจุดเด่นอยู่ที่อาคารบ้านเรือนที่มีสีสันฉูดฉาด ตัดกับสีเขียวของภูเขาและสีฟ้าของท้องทะเล หมู่บ้านทั้ง 5 มีชื่อว่า มอนเตรอสโซ (Monterosso) เวร์นาซซา (Vernazza) คอร์นีเลีย (Corniglia) มานาโรลา (Manarola) และ ริโอมัจจอร์เร (Riomaggiore) การเดินทางมาที่หมู่บ้านเหล่านี้ได้โดยทางรถไฟและทางเรือเท่านั้น

10. ปราสาทซันตันเจโล (Castel Sant Angelo)

แพลนไป อิตาลี

“ปราสาทซันตันเจโล” ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของนครรัฐวาติกันราว 700 เมตร เป็นปราสาททรงกระบอกที่ถูกสร้างขึ้น

เพื่อเป็นสุสานของจักรพรรดิฮาดริอานุสแห่งโรมัน (Hadrian) และครอบครัว โดยมีชื่อว่า “สุสานแห่งเฮเดรียน” (Mausoleum of Hadrian) ต่อมาถูกเปลี่ยนมาเป็นป้อมปราการและปราสาท ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของ “พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติปราสาทซันตันเจโล” (Museo Nazionale di Castel Sant’Angelo) จัดแสดงของโบราณมากมายที่ขุดค้นพบ รวมทั้งอาวุธตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

11. แคว้นทัสคานี (Tuscany)

แพลนไป อิตาลี

เสน่ห์ของแคว้นทัสคานี คือวิวทิวทัศน์อันงดงาม มีเมืองสำคัญทางประวัติศาสตร์ 6 แห่ง ที่ได้รับเลือกให้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก ได้แก่ “ฟีเรนเซ” (Florence) เมืองหลวงของแคว้นทอสคานา “จัตุรัสดูโอโมแห่งปิซา” (Piazza dei Miracoli) ในเมืองปิซา (Pisa) ที่ตั้งของหอเอนเมืองปิซา เมืองโบราณในยุคกลาง “ซานจิมิยาโน” (San Gimignano) เมืองเล็กๆ ตั้งอยู่บนเนินเขาที่รู้จักกันในชื่อ “เมืองหอคอยงาม” เมืองโบสถ์สวย “เซียนนา” (Siena) และ “เพียนซา” (Pienza) เมืองบ้านเกิดของพระสันตปาปา

12. หอเอนเมืองปิซา (Leaning Tower Of Pisa)

แพลนไป อิตาลี

“หอเอนเมืองปิซา” เป็น 1 ใน 3 สิ่งก่อสร้างที่เก่าแก่ในจตุรัสดูโอโม เป็นหอระฆังหินอ่อนสีขาว รูปทรงกระบอก 8 ชั้น สูง 56 เมตร ตั้งอยู่ที่จัตุรัสใจกลางเมืองปิซา ซึ่งมีเอกลักษณ์โดดเด่นอยู่ที่ความเอนเอียงของหอระฆัง ซึ่งยอดของหอระฆังนั้นห่างจากแนวตั้งฉากของพื้นประมาณ 3.9 เมตร หอเอนปิซาได้ถูกประกาศให้เป็นมรดกโลกในปี 1987 และยังถูกจัดให้เป็น 7 สิ่งมหัศจรรย์ขอโลกในยุคกลางอีกด้วย เปิดให้เข้าชมทุกวัน ยกเว้นวันจันทร์ ตั้งแต่ 10 โมงเช้า ถึงหกโมงเย็น

ปรึกษารายละเอียด แพลนไป อิตาลี คลิก!

13. มหาวิหารฟลอเรนซ์ (Florence Cathedral)

แพลนไป อิตาลี

“มหาวิหารฟลอเรนซ์” เป็นมหาวิหารที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งในอิตาลี มีอายุมากกว่า 800 ปี ตั้งอยู่ที่เมืองฟลอเรนซ์ แคว้นทัสกานี โดยเป็นมหาวิหารที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ในอิตาลี และใหญ่ที่สุดอันดับที่ 4 ในทวีปยุโรป ไฮไลท์เด่นคือโดมสีส้มขนาดใหญ่ และตัวเป็นหินอ่อนสีขาว แต่งด้วยหินสีเขียวและชมพู มีหอระฆังสูงอยู่บริเวณด้านข้าง ภายในมหาวิหารงดงามด้วยหน้าต่างกระจกสี มีภาพเขียนแบบปูนเปียกของ “เปาโล อุซเซลโล” (Paolo Uccello) และยังมีส่วนของห้องใต้ดิน ให้นักท่องเที่ยวได้ชมอีกด้วย

14. เกาะมูราโน (Murano island)

แพลนไป อิตาลี

“เกาะมูราโน” เป็นที่เที่ยวอิตาลีที่เต็มไปด้วยอาคารบ้านเรือนสีสันคัลเลอร์ฟูล เป็นเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องการผลิตแก้ว ไฮไลท์ยอดฮิตของที่นี่จึงเป็นการชมเครื่องแก้วอันสวยงามวิจิตรที่ พิพิธภัณฑ์แก้ว (Glass Museum) เกาะแห่งนี้ยังมีโบสถ์คริสต์ชื่อดัง “ซานตามาเรียเดลลาซาลูท” (Santa Maria della Salute) ให้ได้เที่ยวชม ก่อนกลับอย่าลืมซื้อแก้วเป็นของที่ระลึกหรือเป็นของฝากกันด้วย โดยให้มองหาตราสัญลักษณ์ของเครื่องหมายการค้า Vetro Murano Artistico เพื่อการันตีว่าเป็นของแท้ได้มาตรฐานแห่งเกาะมูราโน

15. จัตุรัสไมเคิลแองเจลโล (Piazzale Michelangelo)

แพลนไป อิตาลี

แพลนไป อิตาลี

จัตุรัสไมเคิลแองเจลโล เป็นที่เที่ยวอิตาลีที่มีทัศนียภาพสวยงามเป็นภาพมุมสูง ตั้งอยู่บนเนินเขาทางใต้ของศูนย์กลางประวัติศาสตร์ บริเวณ ย่านโอลตราร์โน (Oltrarno) เป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกและชมทัศนียภาพของที่เที่ยวสำคัญๆ ทั้ง ป้อมเบลเวเดเร (Belvedere) สะพานเวคคิโอ (Ponte Vecchio) สะพานที่เก่าแก่ที่สุดของเมืองฟลอเรนซ์ พระราชวังเวคคิโอ (Palazzo Vecchio) พระราชวังเก่าแก่ที่ปัจจุบันเป็นศาลากลางของเมือง อีกทั้งยังเห็นวิวอันสวยงามของ เนินเขาเซตติกนาโน (Settignano) และ “ฟีเอโซเล” (Fiesole) เมืองสวยบนเนินเขา

อิตาลี เป็นประเทศที่มีสิ่งมหัศจรรย์มากกว่าที่คิดไว้อีกมากมาย สิ่งสำคัญที่ต้องทำคือ เคลียร์วันว่าง เตรียมขอวีซ่า จองตั๋วเครื่องบินและที่พักไว้ให้พร้อม ทุกอย่างลงตัวเมื่อใด ก็บินได้ทันทีเลยจ้า

ใครไม่แน่ใจว่าจะเดินทางด้วยสายการบินอะไร MESUB TRAVEL ได้รวมสายการบินไปประเทศอิตาลี ทั้งบินตรง และโลว์คอส มาแนะนำให้ที่นี่แล้ว

ในการซื้อตั๋วเครื่องบินเพื่อการเดินทางไปท่องเที่ยวประเทศอิตาลีนั้น สามารถจองตั๋วได้ผ่านทางเว็บไซต์เอเจนซี่ที่ช่วยในการจองตั๋วจากสายการบินที่มีอยู่มากมายได้ โดยเว็บไซต์เหล่านี้มีข้อดีคือจะแสดงสายการบินที่สามารถใช้เดินทางจากสนามบินในประเทศไทย ไปยังสนามบินต่างๆ ในอิตาลีเพียงคุณกรอกข้อมูลเกี่ยวกับสนามบินต้นทาง สนามบินปลายทาง และวันเดินทางของคุณ หน้าเว็บไซต์ก็จะปรากฏข้อมูลต่างๆ ของเที่ยวบิน ทั้งราคา มีจุดพักหรือบินตรง ระยะเวลาที่ใช้ในการเดินทางให้คุณได้เปรียบเทียบได้ตามต้องการ อีกทั้งบางเว็บคุณสามารถจำกัดเลือกดูแค่เที่ยวบินตรงก็ได้ด้วย

อีกทางเลือกหนึ่งก็คือการจองผ่านเว็บไซต์ของสายการบินโดยตรงเลยก็ได้ ซึ่งแน่นอนว่าหากคุณวางแผนการเดินทางตั้งแต่เนิ่นๆ และจองตั๋วเครื่องบินล่วงหน้าคุณก็จะสามารถหาตั๋วเครื่องบินได้ในราคาที่ดีกว่า และสามารถออกแบบการเดินทางได้ดีกว่าอีกด้วย

สายการบินทั้งแบบ Full Service และโลว์คอสสำหรับการเดินทางไปอิตาลี ที่แนะนำได้แก่

1. การบินไทย หรือ Thai airways ให้บริการเที่ยวบินตรงจากสนามบินสุวรรณภูมิ ไปสนามบินฟูมิชิโน กรุงโรม โดยใช้ระยะเวลาประมาณ 10 ถึง 12 ชั่วโมง ส่วนใหญ่มีเพียงวันละ 1 ไฟท์เท่านั้น เป็นไฟท์ดึกช่วงเวลาประมาณเที่ยงคืน และบางวันไม่มีให้บริการจึงควรเช็คข้อมูลจากเว็บไซต์ข้างต้นก่อนการวางแผนการเดินทางทุกครั้ง ส่วนราคานั้นหากจองล่วงหน้าซักประมาณ 1-2 เดือนสามารถหาตั๋วไปกลับไฟท์เที่ยวบินตรงจากกรุงเทพถึงกรุงโรมได้ในราคาคนละประมาณสี่หมื่นบาท

2. Emirates สายการบินของสหรัฐอาหรับอามิเรตส์ ให้บริการเที่ยวบินมากมายทั่วโลก สำหรับเที่ยวบินจากประเทศไทยไปที่ประเทศอิตาลีนั้นเริ่มต้นที่สนามบินสุวรรณภูมิ มีจุดพักหนึ่งจุดที่สนามบินหลักของสายการบินนี้คือ ท่าอากาศยานนานาชาติดูไบ จากนั้นจึงบินตรงจากดูไบไปที่สนามบินฟูมิชิโนกรุงโรม ประเทศอิตาลี ถึงแม้ว่าจะใช้เวลาในการเดินทางถึง 15 ถึง 22 ชั่วโมงโดยประมาณ ซึ่งนานกว่าการบินตรง แต่แน่นอนว่ามีไฟล์ให้เลือกมากกว่า มีบริการทุกวัน และมีราคาถูกกว่าอีกด้วย โดยหากจองในช่วงเวลาเดียวกันสามารถหาไฟท์บินที่ถูกกว่า Thai airways ที่บินตรงได้เกือบหมื่นเลยทีเดียว

3. Egyptair สายการบินประจำชาติของสาธารณรัฐอาหรับอียิปต์ ที่ครอบคลุม 75 เส้นทางบินในแถบเอเชีย ตะวันออกกลาง อเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ ยุโรป และโอเชียเนีย สำหรับรูปแบบการบินสำหรับเที่ยวบินจากไทยไปอิตาลีจะคล้ายคลึงกับเอมิเรตส์ คือเริ่มต้นจากสนามบินสุวรรณภูมิ และมีจุดพัก 1 จุดที่สนามบินหลักของตัวเองคือสนามบินไคโร ประเทศอียิปต์ก่อนจะบินตรงไปที่สนามบินฟูมิชิโน กรุงโรมประเทศอิตาลี สายการบินนี้มีเที่ยวบินให้เลือกน้อยกว่าเอมิเรตส์ แต่ก็มากกว่าเที่ยวบินตรงของ Thai airways และมีราคาถูกกว่าเอมิเรตส์เล็กน้อย ในขณะที่ใช้เวลาเดินทางใกล้เคียงกันอยู่ที่ประมาณ 16-22 ชั่วโมง

4. Turkish airlines สายการบินประจำชาติตุรกี ที่ครอบคลุมสายการบินมากกว่า 280 จุดหมายเมืองปลายทางทั่วโลก และยังได้รับรางวัลสกายแทร็กซ์ 6 ปีซ้อนในการเป็นสายการบินที่ดีที่สุดในยุโรป และยังเป็นหนึ่งในสายการบินของกลุ่มพันธมิตรสตาร์ อัลไลแอนซ์ ซึ่งนับเป็นหนึ่งสายการบินที่ดีเยี่ยมของยุโรปอีกด้วย เที่ยวบินจากไทยไปอิตาลีเริ่มที่สนามบินสุวรรณภูมิ มีจุดพัก 1 จุดที่สนามบิน IST ที่ตุรกี และจากนั้นบินตรงไปที่สนามบินฟูมิชิโน กรุงโรมประเทศอิตาลี มีเที่ยวบินพอๆ กับ Egyptair ใช้เวลาในการบิน 14-22 ชั่วโมง ถ้าจองล่วงหน้าประมาณ 1-2 เดือนจะได้ตั๋วไปกลับประมาณสี่หมื่นนิดๆ ถูกกว่าเที่ยวบินตรงเล็กน้อย

นอกจากนั้นยังมีสายการบินอิ่นๆ อีกมากมายเช่น Royal Jordanian , Ukraine International Airlines ที่มีจุดพักหนึ่งจุด ราคาประมาณเท่าๆ กับสายการบิน Turkish airlines และมีเที่ยวบินเพียงประมาณวันละ 1 เที่ยวเท่านั้น หรือสายการบิน Etihad ที่แม้จะมีเที่ยวบินให้เลือกหลายไฟท์และราคาค่อนข้างถูกแต่ต้องเปลี่ยนเครื่องถึง 2 ครั้ง และเที่ยวบินอื่นๆ

สุดท้ายเป็นคำแนะนำเล็กๆ ในการแพลนไป อิตาลี ด้วย Roma pass บัตรเบ่งสุดคุ้ม ใบเดียวเที่ยวทั่วกรุงโรม ประเทศอิตาลี

สำหรับการวางแผนมาท่องเที่ยวอิตาลีนั้นอย่างน้อยก็ต้องใช้ระยะเวลา 4-5 วันเป็นอย่างต่ำกันอยู่แล้ว และสำหรับใครที่มีแพลนหลักที่จะท่องเที่ยวในเมืองหลวงกรุงโรมอย่างน้อย 2-3 วันขึ้นไปไม่ควรพลาดอย่างยิ่งสำหรับตั๋วแพ็คเกจในการเดินทางท่องเที่ยวภายในโรมที่ชื่อว่า โรม่า พาส(Roma pass) ใบนี้

Roma pass เป็นบัตรที่รวมเอาค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆและการเดินทางภายในกรุงโรมมาไว้ในใบเดียวกัน สามารถใช้ในการเดินทางท่องเที่ยวภายในโรมโดยใช้ได้กับรถไฟใต้ดิน Metro, รถราง และรถบัสได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง และสามารถใช้เป็นบัตรผ่านสำหรับเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ บางแห่งของกรุงโรม รวมทั้งยังใช้เป็นบัตรส่วนลดสำหรับร้านค้าบางร้านตามเงื่อนไขของบัตรได้อีกด้วย โดย Roma pass สามารถหาซื้อได้กับตัวแทนที่มีอยู่ทั่วไปตามสถานที่ที่มีนักท่องเที่ยวเยอะๆ ยกตัวอย่างเช่น สนามบิน หรือสถานีรถไฟหลักเป็นต้น นอกจากนั้นแล้วยังสามารถซื้อออนไลน์ได้ที่เว็บ romapass ซึ่งเว็บไซต์นี้บอกด้วยว่าที่ไหนสามารถหาซื้อ Roma pass ได้บ้าง โดยมีอยู่ 2 แบบคือ แบบ 72 ชั่วโมง และแบบ 48 ชั่วโมง

แพลนไป อิตาลี คลิก!

Roma pass แบบ 72 ชั่วโมง ซึ่งจำหน่ายในราคา 38.5 ยูโร บัตรนี้สามารถเข้าชมพิพิธภัณฑ์ฟรีได้ 2 แห่ง และสามารถใช้ในการเดินทางโดยรถบัสประจำทาง รถราง รถไฟในเมืองและรถไฟใต้ดิน Metro ในเขตแดนของโรมได้ตลอดทั้ง 72 ชั่วโมง และสามารถใช้เป็นส่วนลดในพิพิธภัณฑ์อื่นๆ สถานที่ท่องเที่ยวบางแห่งในรวม รวมไปถึงร้านค้าและงานเทศกาลต่างๆ ตามที่เงื่อนไขของบัตรกำหนดได้อีกด้วย โดยเวลาจะเริ่มนับตั้งแต่ที่ได้เริ่มใช้ง่ายครั้งแรก

Roma pass แบบ 48 ชั่วโมง ซึ่งจำหน่ายในราคา 28 ยูโร สามารถใช้บริการได้เหมือนบัตร 72 ชั่วโมงแทบทุกอย่าง แตกต่างกันเพียงสามารถเข้าเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ฟรีได้เพียง 1 ที่เท่านั้น สำหรับการเริ่มใช้บัตรครั้งแรกนั้นก็เพียงแต่นำบัตรไปสแกนตรงประตูกั้นของสถานีขนส่งที่ต้องการใช้บริการ จากนั้นข้อมูลของบัตรจะถูกบันทึกและเริ่มนับเวลาการใช้งานเท่านั้นเอง

ถ้าหากถามว่าการใช้ Roma pass คุ้มหรือไม่สำหรับการท่องเที่ยวในโรมนั้น ตอบได้เลยว่าคุ้มค่ามาก เพราะอย่างแรกเลยตั้งแต่ซื้อบริการ คุณจะได้รับทั้งแผนที่เมืองโรมซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากและไม่มีแจกฟรีเหมือนเมืองอื่นๆ บางเมือง และยังได้คู่มือสำหรับเงื่อนไขต่างๆ ของบัตรเช่น สถานที่ที่สามารถใช้บัตรผ่านได้ฟรี ส่วนลดของสถานที่ท่องเที่ยวและร้านค้ารวมไปถึงงานเทศกาล อีเว้นท์ต่างๆ ให้ได้เลือกวางแผนเที่ยว และยังมี app ให้คุณโหลดมาเพื่อช่วยครีเอทให้การท่องเที่ยวของคุณสนุกสนานมากขึ้นอีกด้วย และในส่วนของการเดินทาง ยกตัวอย่างง่ายๆ หากคุณเลือกใช้การเดินทางด้วย Metro 1.5 ยูโรต่อเที่ยว แสดงว่าไปกลับ อย่างน้อยคุณต้องจ่าย 3 ยูโร อีกทั้งบางครั้งในการเดินทางไปในจุดหมายปลายทางบางแห่ง คุณอาจต้องเปลี่ยน Metro อย่างน้อย 1 ครั้ง และอาจจะมีการใช้รถบัสประจำทางหรือรถรางช่วย ซึ่งใน 1 วันนั้นคุณน่าจะใช้ Metro โดยประมาณ 5-6 ครั้งเป็นอย่างน้อย ใน 3 วันก็เสียค่าใช้จ่ายกับ Metro ไม่ต่ำกว่า 20-30 ยูโร เป็นอย่างน้อยแล้ว ยังไม่รวมค่าเข้าพิพิธภัณฑ์ เช่น Colosseum ปกติมีค่าเข้า 12 ยูโร ซึ่งรวมกะค่า Metro ก็เกินค่า Roma pass แล้ว ยังไม่นับส่วนลดและการใช้บริการขนส่งอื่นๆ อีกด้วย จึงจัดได้ว่า Roma pass นั้นคุ้มค่ามากสำหรับการท่องเที่ยวกรุงโรม

และนอกจากนั้น ความคุ้มค่ายังมีอีก ด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่จัดไว้เป็นแพ๊กเกจฟรีใน Roma pass นั้นชอบจับมาเป็นคู่หรือเป็นกลุ่ม เช่น Colosseum กับ Roman Forum และ Palatine Hill นับรวมเป็น 1 ที่ เป็นต้น ซึ่งสามารถเที่ยวแยกวันกันได้ แต่ต้องเป็นวันที่ติดกัน เป็นต้น

แพลนไป อิตาลี อย่างไรก็ตาม ใช่ว่า Roma pass นั้นจะเหมาะกับทุกคน เพราะว่า Roma pass ไม่เหมาะกับเด็กที่อายุน้อยกว่า 18 เท่าไหร่นัก เพราะอาจจะใช้งานได้ไม่คุ้มค่า เนื่องจากโดยปกติส่วนใหญ่แล้วเด็กที่มีอายุน้อยกว่า 18 ปีมักจะไม่ต้องเสียค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ หรือถ้าเสียก็มีส่วนลดซึ่งอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้ Roma pass และยิ่งสำหรับเด็กที่อายุน้อยกว่า 12 ปีนั้นยิ่งไม่มีความจำเป็นเป็นอย่างยิ่ง แพลนไป อิตาลีเพราะไม่จำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายในการขนส่งสาธารณะ และสำหรับการท่องเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวหลักๆ ในโรมนั้นก็ฟรีเกือบทุกที่เช่นกัน และอีกประเด็นคือสำหรับคนที่จะเน้นประหยัดหรือชอบเดินเป็นหลักใบนี้ก็ไม่น่าจะคุ้มเท่าไหร่ เพราะถ้าไม่ค่อยได้ใช้รถไฟหรือใช้น้อยแล้วเน้นเข้าสถานที่ฟรีๆในกรุงโรม บัตรนี้จะดูเสียเงินโดยไม่จำเป็นไปเลย

 

ทำไมถึงถูกปฏิเสธวีซ่า?

บทความที่เกี่ยวข้อง