Visaคืออะไร ? ทำไมต้องทำวีซ่า ?
รับทำวีซ่า หลายๆ คนที่กำลังเริ่มเดินทางไปต่างประเทศครั้งแรก คงสงสัยกันอยู่ไม่น้อยเลยว่า “วีซ่า” นั้นคืออะไร? ทำไมเราต้องทำ Visa กันด้วย ? การทำ visa นั้นจำเป็นจริงหรือ? วันนี้ทีมงานมีทรัพย์จะมาไขข้อข้องใจของทุกเองค่ะ
วีซ่า (Visa) หรือ การตรวจลงตรา คือ เอกสารที่แสดงให้เห็นว่า บุคคลนั้นได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้าประเทศหรือดินแดนที่ระบุไว้ ภายใต้ระยะเวลาและจุดประสงค์ที่กำหนด ซึ่งVisaจะถูกแสดงต่อเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองขณะเดินทางเข้าประเทศหรือดินแดนนั้นๆ หรือถ้าให้เข้าใจง่ายๆ Visaคือ เอกสารที่ใช้เพื่อการตรวจสอบการเข้าเมือง นั่นเองค่ะ
แล้วทำไมต้องทำVisa ? | visaคืออะไร
สำหรับคำถามนี้ ทีมงานมีทรัพย์ต้องขอเล่าย้อนกลับไปที่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 ซึ่งถือว่าเป็นช่วงจุดต้นกำเนิดของการมีVisa ในสมัยนั้น (เค้าว่ากันว่า) ผู้นำในแต่ละประเทศเกิดความกังวลใจ เกี่ยวกับบุคคลที่จะเดินทางเข้าสู่ประเทศของตน เกรงว่าอาจจะเป็นนักสืบ หรือแอบแฝงมาจากประเทศศัตรู จึงได้มีการริเริ่มให้มีการสอบประวัติ พร้อมกับทำเอกสารอนุญาตการเดินทางเข้าประเทศ ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา… เล่ามาจนถึงจุดนี้แล้ว ทีมงานมีทรัพย์เชื่อว่าทุกคนน่าจะพอเข้าใจเหตุผลของการทำVisaมากขึ้นแล้วแหละ นั่นก็คือ เพื่อเป็นการเก็บข้อมูลผู้เดินทาง และเพื่อความปลอดภัยของทั้งผู้เดินทางเอง และความปลอดภัยของประเทศนั้นๆอีกด้วยค่ะ
โดย Visa นั้น จำเป็นต้องถูกพิจารณาและอนุมัติจากประเทศนั้นๆ ที่ทุกคน(กำลัง)จะเดินทางไป ซึ่งคำถามคือ… แต่เรายังไม่ทันจะได้เดินทางเลย เค้าจะอนุมัติได้อย่างไร? และคำตอบก็คือ สถานทูตเป็นผู้อนุมัติให้ นั่นเองค่ะ! หากเราวางแผนที่จะเดินทางไปประเทศจีน ให้เราทำการติดต่อทำ visa ที่สถานทูตจีนในประเทศไทย ซึ่งเอกสารที่ออกโดยสถานทูตจีน จะถือว่าเป็นเอกสารที่ถูกพิจารณาและอนุมัติจากประเทศจีน ที่เรากำลังจะเดินทางไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วค่ะ แค่นี้ทุกคนก็สามารถแสดงวีซ่าตอนเดินทางเข้าสู่ประเทศจีนได้เลย
สุดท้ายนี้ ทีมงานมีทรัพย์ก็หวังว่าทุกคนจะเห็นภาพมากขึ้น ว่าVisaนั้นคืออะไร ไว้ทีมงานมีทรัพย์จะมาแชร์ข้อมูล ความรู้ดีๆเกี่ยวกับการทำVisaให้อีกนะคะ
ประเภทของวีซ่า มีอะไรบ้าง ?
ประเภทของVisa – เรื่องนี้เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ทุกคนถามกันเข้ามาเยอะมากๆๆ ว่า Visaมีกี่ประเภท? แบบไหนบ้าง? แล้วเราต้องใช้วีซ่าประเภทอะไร? ต้องบอกเลยว่า ประเภทของVisa นั้นมีเยอะมากก แบ่งละเอียดยิบย่อยตามจุดประสงค์ของการเดินทาง แถมVisaบางประเภท มีลักษณะคล้ายกัน แต่ในแต่ละประเทศเรียกไม่เหมือนกันก็มีค่ะ ดังนั้น ทีมงานมีทรัพย์ขออนุญาตแจกแจงประเภทหลักๆของVisaให้ทุกคนได้ทำความเข้าใจง่ายๆ เป็นดังนี้ค่ะ
- Tourist Visa (Visaท่องเที่ยว)
เพื่อจุดประสงค์ในการท่องเที่ยวหรือสันทนาการ โดยไม่มีกิจกรรมทางธุรกิจมาเกี่ยวข้อง
- Business Visa (Visaธุรกิจ)
เพื่อวัตถุประสงค์ในการทำการค้าในประเทศนั้น ๆ หรือกิจกรรมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจ
- Temporary Worker Visa (Visaทำงานชั่วคราว)
เพื่อยืนยันการได้รับอนุญาตให้ทำงานในประเทศนั้นๆ ได้
- Transit Visa (Visaเปลี่ยนเครื่อง)
เพื่อเป็นทางผ่านไปยังประเทศที่เป็นจุดหมาย ปกติจะมีอายุประมาณ 5 วัน
- On-Arrival Visa (วีซ่าที่ได้รับเมื่อเดินทางถึงสนามบินที่เป็นจุดหมายการเดินทาง)
Visa ชนิดนี้ จะได้รับตรงจุดตรวจคนเข้าเมือง
- Spousal Visa หรือ Partner Visa (วีซ่าแต่งงาน)
อนุญาตให้คู่แต่งงาน (เพศชายหรือหญิงก็ตาม) ที่เป็นคู่ชีวิตของประชากรของประเทศนั้น ๆ สามารถเดินทางมาอยู่ด้วยกันได้
- Student Visa (Visaนักเรียน)
อนุญาตให้ผู้ถือสามารถทำการเรียนในประเทศนั้นๆ ได้ ตามเงื่อนไขที่กำหนด แต่บางประเทศก็ใช้ Visaท่องเที่ยว แทน Visaชนิดนี้
- Working Holiday Visa (Visaท่องเที่ยวและทำงาน)
เป็นVisa ที่สามารถท่องเที่ยวและทำงานเพื่อหาประสบการณ์ภายในเงื่อนไขที่กำหนดได้
- Diplomatic Visa (Visaทูต)
เป็นVisaที่ออกให้กับผู้ที่ถือหนังสือเดินทางทางการทูต
- Journalist Visa
Visaสำหรับนักเขียน หรือนักข่าวจากหน่วยงานที่ได้รับการยอมรับ
- Immigration Visa
เป็นVisaอนุมัติให้กับผู้ที่ต้องการอพยพไปตั้งถิ่นฐาน
- Pensioner Visa หรือ Retirement Visa (Visaผู้รับบำนาญ หรือ Visaผู้เกษียณ )
ออกให้ในบางประเทศ สำหรับผู้ที่แสดงให้เห็นว่ามีรายได้ในต่างประเทศที่เพียงพอ และไม่มีความประสงค์ที่จะทำงานแล้ว
- Ship Crew Visa (Visaลูกเรือ)
เป็นVisaที่อนุญาตให้กับ ลูกเรือของสายการบินที่ต้องเดินทางเข้ามาพร้อมสายการบิน
และในความเป็นจริงแล้ว ทุกคนจะต้องศึกษาประเภท ของVisaให้สอดคล้องกับประเทศนั้นๆ ที่กำลังจะเดินทางไปค่ะ ซึ่งประเภท ของวีซ่ายังไม่จบเพียงเท่านี้! จริงๆ แล้ววีซ่านั้นยังมีรูปแบบอีกมากมายเลย ตัวอย่างเช่น
- แบบฉลาก จะเป็นการพิมพ์การตรวจลงตราไว้บนฉลาก จากนั้นนำไปติดลงบนหนังสือเดินทาง
- แบบเอกสาร คือการออกเอกสารการเดินทางเป็นกระดาษ
- แบบตราประทับ ใช้วิธีการประทับหรือพิมพ์การตรวจลงตราไว้ด้วยหมึก
- แบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งข้อมูลต่างๆ จะถูกเรียกขึ้นมาดูผ่านระบบคอมพิวเตอร์ตอนเข้าประเทษนั้นๆ
เป็นยังไงบ้างคะ.. กับข้อมูลอัดแน่นเกี่ยวกับประเภทVisaในวันนี้ หวังว่าทุกคนจะได้เห็นภาพมากขึ้นค่ะ ยังไงทีมงานมีทรัพย์จะมาแบ่งปันความรู้เกี่ยวกับการเดินทางและVisaอีกนะคะ
ทำไมถึงถูกปฏิเสธVisa ?
เจ็บอะไรก็ไม่เท่า เจ็บใจเพราะโดนปฏิเสธVisa! วันนี้ทีมงานมีทรัพย์จะมาแชร์ถึงเหตุผล (จากประสบการณ์) ที่ทำไมหลายๆ คนถึงโดนปฏิเสธvisaกันค่ะ
-
จุดประสงค์ของการเดินทางไม่สอดคล้องกับประเภทของVisa
หลักการของการขอVisaนั้น เราจำเป็นที่จะต้องยื่นขอประเภทVisaให้สอดคล้องกับจุดประสงค์ของการเดินทาง ตัวอย่างเช่น หากเราต้องการเดินทางไปเรียน จะต้องยื่นvisaนักเรียนเท่านั้น ไม่สามารถยื่นvisa ท่องเที่ยว หรือเยี่ยมเยียนได้ ซึ่งสิ่งที่ทีมงานมีทรัพย์แนะนำคือให้อ่านเงื่อนไขที่ทางสถานทูตได้กำหนดไว้อย่างละเอียด ก่อนทำการสมัครค่ะ
-
ข้อมูลไม่ตรง ผิดพลาด
ข้อผิดพลาดนี้ สามารถเกิดขึ้นได้จากการกรอกแบบฟอร์ม ที่อาจจะพิมพ์ตัวอักษรผิด หรือไม่ครบ ทำให้ผลการขอVisaนั้นไม่ผ่านค่ะ
-
หลักฐานประกอบการเดินทางไม่เพียงพอ
การสมัครVisaแต่ละประเภท ก็จะต้องใช้เอกสารที่จำเป็นต่างกัน ตัวอย่างการถูกปฏิเสธนั้นอาจจะมาจาก ทางสถานทูตมองว่าหลักฐานทางการเงินของเรานั้นไม่น่าเพียงพอต่อการใช้เดินทาง หรือเอกสารรับรองของเราไม่น่าเชื่อถือพอ ดังนั้นการเตรียมเอกสารเพิ่มเติมจึงสำคัญมากๆค่ะ
-
สัมภาษณ์ไม่ผ่าน
การสัมภาษณ์นั้น เบื้องต้นทางสถานทูตจะต้องการทดสอบความสามารถทางภาษาอังกฤษและความสอดคล้องของข้อมูลที่เราได้ให้สัมภาษณ์ออกไป ดังนั้น การเตรียมตัวก่อนการสัมภาษณ์นั้นคือว่ามีความสำคัญมาก ต้องระวังไม่ให้เกิดการสื่อสารผิดพลาด มิเช่นนั้นVisaอาจจะถูกปฏิเสธได้ค่ะ
-
เคยมีประวัติไม่ดีมาก่อน
ในบางกรณีที่ตัวบุคคลคนนั้นเคยมีประวัติอยู่ในต่างประเทศเกินอายุของVisa หรือประวัติพฤติกรรมอื่นๆ ที่ไม่ดีในต่างประเทศ ก็อาจจะทำให้เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้สถานทูตพิจารณาผลvisaไม่ผ่านค่ะ เนื่องจากสถานทูตนั้นจำเป็นต้องรักษาประโยชน์และความปลอดภัยของประเทศตนเองเช่นกัน
และนี่ก็คือ 5 เหตุผลเบื้องต้น ว่า ทำไม? เราถึงสามารถถูกปฏิเสธVisaค่ะ ไหนใครอ่านแล้ว มีข้อที่ตนเองไม่มั่นใจอยู่บ้างคะ อย่าลืมไปแก้ไขกันนะคะ ก่อนทำการสมัคร วีซ่า ยังไงทีมงานมีทรัพย์ก็อวยพรขอให้ทุกคนสมัครVisaผ่านกันเยอะๆค่ะ
ขั้นตอนการทำVisa?
รับทำวีซ่า มาถึงคำถามที่ทุกคนรอคอยกันแล้วนะคะ กับ ขั้นตอนในการทำVisaนั้นมีอะไรบ้าง? จริงๆ อาจจะต้องเกริ่นก่อนเลยค่ะว่าขั้นตอนในการทำVisaของแต่ละประเทศ และแต่ละประเภท นั้น มีรายละเอียดที่แตกต่างกันแน่นอนค่ะ แต่วันนี้ทีมงานมีทรัพย์จะมาอธิบายถึงขั้นตอนโดยทั่วไปให้ทุกคนเข้าใจกันง่ายๆค่ะ
1.ศึกษาข้อมูลประเภทVisaของประเทศที่ต้องการเดินทางไป
อันดับแรกของการเริ่มทำVisa คือ การศึกษาและทำความเข้าใจรายละเอียดเกี่ยวกับVisaของประเทศนั้นๆ ก่อนค่ะ โดยทีมงานมีทรัพย์อยากให้ทุกคนตอบคำถามด้านล่างนี้ให้ครบค่ะ
-
จุดประสงค์ของการเดินทางคืออะไร?
เราจำเป็นจะต้องทราบก่อนว่าจะเดินทางเพื่อไปเที่ยว ไปเยี่ยมเยือน ไปธุรกิจ ไปเรียน หรือไปตั้งรกรากถิ่นฐาน เพราะจุดประสงค์ของการเดินทางนี้จะเป็นตัวนำทางให้เราเลือกประเภทVisaได้ถูกต้องนั่นเองค่ะ
-
ประเทศที่จะเดินทางไปนั้น จำเป็นต้องขอVisaล่วงหน้าไหม?
ในบางประเทศ เราจะอาจจะไม่จำเป็นต้องขอVisaเพื่อเดินทางค่ะ (ตามข้อตกลง) ดังนั้น การที่เราศึกษารายละเอียดว่าประเทศที่เราจะไปนั้น ได้ทำข้อตกลงกับประเทศไทยไว้หรือไม่ อาจจะทำให้เราไม่ต้องเปลืองเวลากับเรื่องvisaได้เลยค่ะ ตัวอย่างเช่น ประเทศญี่ปุ่น ประเทศกัมพูชา ประเทศพม่า ประเทศเกาหลีใต้ เป็นต้น
-
จุดประสงค์ของการเดินทางนั้นตรงกับvisaประเภทไหน?
สำหรับประเทศที่จำเป็นต้องขอVisaก่อนการเดินทาง เราจำเป็นจะต้องขอประเภทของVisaให้ตรงกับจุดประสงค์ของการเดินทาง เพราะจะมีผลต่อเอกสารที่ต้องเตรียม ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามประเทศที่ต้องการจะเดินทางไปค่ะ
2.ศึกษาเอกสารที่ต้องเตรียม
ส่วนมากแล้ว เอกสารที่ต้องเตรียมจะแบ่งเป็น เอกสารส่วนตัวเพื่อแสดงตน และเอกสารที่ต้องทำเพิ่มเติม เพื่อประกอบการขอvisaค่ะ ตัวอย่างของเอกสารส่วนตัวจะมี บัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน รูปถ่าย เป็นต้น และเอกสารที่เอกสารที่ต้องทำเพิ่มเติมเพื่อประกอบการขอVisaนั้น จะขึ้นอยู่กับประเภทของvisaที่ยื่น ดังนั้นทีมงานมีทรัพย์แนะนำให้ศึกษารายละเอียดของเอกสารประเภทนี้ให้ดีค่ะ เนื่องจากจะมีผลต่อการพิจารณาผลVisaเป็นอย่างมากค่ะ ตัวอย่างเอกสารที่ต้องทำเพิ่มเติม เช่น ใบจองตั๋วเครื่องบิน ใบจองที่พัก เอกสารรับรองการทำงาน จดหมายเชิญ เป็นต้นค่ะ สามารถอ่านบทความที่เกี่ยวกับเอกสารที่ต้องเตรียม ได้ที่นี่ เลยนะคะ ทีมงานมีทรัพย์ได้มีเขียนสรุปเรื่องเอกสารที่ต้องเตรียมไว้ให้ทุกคนเข้าใจง่ายๆไว้แล้วค่ะ
3.กรอกแบบฟอร์มและ เตรียมเอกสาร
หลังจากนั้น ทุกคนสามารกรอกแบบฟอร์มสำหรับการยื่นขอ Visa เดินทางไปประเทศนั้นๆ ได้เลยค่ะ ซึ่งในแต่ละประเทศก็จะมีแบบฟอร์มที่แตกต่างกันออกไป และในการกรอกข้อมูลนั้น ทีมงานมีทรัพย์แนะนำว่าควรที่จะตรวจสอบตัวสะกดและความถูกต้องของข้อมูลทุกจุดนะคะ และในระหว่างนี้ทุกคนสามารถดำเนินการเตรียมเอกสารที่จำเป็นสำหรับการยื่นขอVisaไปด้วยได้เลยค่ะ
4.ทำนัดหมายกับทางศูนย์ให้บริการ หรือสถานทูต
ขั้นตอนต่อไป จะเป็นการทำนัดหมายเพื่อขอVisaกับทางศูนย์ให้บริการ หรือสถานทูต โดยสามารถทำนัดออนไลน์ได้ตามคิวของสถานทูต สามารถเลือกวันและเวลาที่ตนเองสะดวกเข้าพบได้เลยค่ะ
5.เดินทางไปยังศูนย์ให้บริการ หรือสถานทูต
เมื่อถึงวันนัดหมาย ให้เราเดินทางไปยัง ศูนย์ให้บริการ หรือสถานทูต โดยทีมงานมีทรัพย์แนะนำว่าให้ไปถึงก่อนเวลานัดหมายอย่างน้อย 30 นาที และการเดินทางไปยังศูนย์ให้บริการ หรือสถานทูตนั้น จุดประสงค์จะแตกต่างกันออกไปในแต่ละประเทศและVisaค่ะ ตัวอย่างเช่น เดินทางไปเพื่อยื่นเอกสาร เดินทางไปเพื่อสแกนลายนิ้วมือ ทางไปเพื่อทำ Biometrics หรือเดินทางไปเพื่อสัมภาษณ์ค่ะ
6.รอรับผลVisa พร้อมกับหนังสือเดินทาง
หลังจากเสร็จเรียบร้อย ทุกคนสามารถเดินทางกลับและรอรับผลVisaได้เลยค่ะ ผลVisaอาจจะใช้เวลา 2-7 วันแล้วแต่กรณี และเมื่อได้รับผลVisaเป็นที่เรียบร้อยแล้ว (ผ่านอีเมล) ทุกคนสามารถเดินทางไปรับหนังสือเดินทางพร้อมกับผลvisaกลับมาเพื่อใช้ประกอบการเดินทางเข้าประเทศนั้นๆ ได้เลยค่ะ
สุดท้ายนี้ ทีมงานมีทรัพย์อยากให้ทุกคนค่อยๆทำความเข้าใจรายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับการยื่นขอVisaค่ะ เพราะจริงๆ แล้วไม่ยากเลย (แต่เยอะ) ยังไงก็ขอให้ทุกคนยื่นvisaผ่านฉลุยกันเลยนะคะ
เอกสารในการทำVisa?
รวมมาให้แล้ว! สำหรับสิ่งที่ทำให้เกิดความสับสนที่สุด ใช้เวลานานที่สุด และน่าปวดหัวที่สุด ในการทำ Visa นั้นก็คือ การเตรียมเอกสารนั่นเองค่ะ… จะมีอะไรบ้าง ไปอ่านกันเลย! ทีมงานมีทรัพย์ขอแบ่งประเภทเอกสารให้เข้าใจง่ายๆ เป็น 2 จำพวกนะคะ ได้แก่ เอกสารส่วนตัวเพื่อแสดงตน และเอกสารที่ต้องทำเพิ่มเติม เพื่อประกอบการขอVisaประเภทนั้นๆ ค่ะ
เอกสารส่วนตัว เพื่อจุดประสงค์ในการแสดงตน จะเป็นเอกสารที่เราส่วนมากมีติดบ้านไว้อยู่แล้วค่ะ และการยื่นขอ Visa แต่ละประเภท จะต้องเตรียมเอกสารคล้ายๆ ดังนี้
- หนังสือเดินทาง
- บัตรประชาชน
- ทะเบียนบ้าน
- รูปถ่าย
- ใบเปลี่ยนชื่อ ใบเปลี่ยนนามสกุล
- ทะเบียนสมรส ใบหย่า
ในส่วนของเอกสาร ที่ต้องทำหรือดำเนินการขอเพิ่มเติม เพื่อประกอบการยื่น Visa ประเภทนั้นๆ อาจจจะต้องเตรียมตามรายละเอียดที่ระบุโดยสถานทูต ตัวอย่างดังนี้ค่ะ
- แบบฟอร์มสมัครVisa
- แต่การสมัคร Visa ของแต่ละประเทศ โดยส่วนมากจะมีแบบฟอร์มให้กรอก ซึ่งในบางประเทศ อาจจะให้เตรียเอกสารเพิ่มเติม ตัวอย่างเช่น แบบฟอร์ม DS-160 ใบนัดสัมภาษณ์ เป็นต้น
- ใบจองตั๋วเครื่องบิน
- เพื่อเป็นหลักฐานเบื้องต้นในการเดินทาง
- ใบจองที่พัก หรือโรงแรม
- เพื่อเป็นหลักฐานเบื้องต้นในการเดินทาง
- จดหมายแนะนำตัว (Cover Letter)
- เป็นเอกสารที่ใช้เพื่อการเขียนสรุปประเด็น ที่ต้องการจะให้สถานทูตรับทราบในการเดินทาง เช่น แจงรายละเอียดของหลักฐานต่างๆ หรืออธิบายถึงความเกี่ยวข้องของบุคคลที่จะเดินทางไปเยี่ยมเยียน (ถ้ามี)
- จดหมายเชิญ (Invitation Letter)
- เป็นเอกสารที่เขียนโดยบุคคล/องค์กรที่ต้องการเชิญเราไปยังประเทศนั้นๆ ตัวอย่างเช่น หากบริษัทที่จีนนั้นได้ เรียนเชิญเราไปดูงานที่จีน เอกสารเรียนเชิญที่บริษัทที่จีนนั้นส่งมาให้เรา จะถูกใช้เป็นจดหมายเชิญ ประกอบการยื่นขอVisaธุรกิจของเราได้
- จดหมายผู้สนับสนุน (Sponsor Letter)
- ในกรณีที่ผู้เดินทาง ไม่สามารถเดินทางด้วยตนเองได้ ไม่ว่าจะเป็นในกรณีผู้เยาว์ หรือในกรณีที่รายได้ไม่พอ ทางสถานทูตจะขอให้มีผู้สนับสนุน และเขียนจดหมายสนับสนุนไว้เป็นหลักฐานในการเดินทาง
- เอกสารการเรียน (ในกรณีที่ยังเป็นนักเรียน/นักศึกษา)
- หนังสือรับรองการเป็นนักเรียนหรือนักศึกษา
- ผลการเรียนย้อนหลัง
- เอกสารรับรองการทำงาน (ในกรณีที่ทำงานอยู่)
- หนังสือรับรองการทำงาน ออกไม่เกิน 1 เดือน
- สลิปเงินเดือนย้อนหลัง 3 เดือน (ถ้ามี)
- ในกรณีที่เป็นเจ้าของธุรกิจ ให้แสดงหนังสือรับรองบริษัทที่คัดมาจาก DBD ไม่เกิน 3 เดือน หรือทะเบียนการค้า
- หลักฐานทางการเงิน
- Bank Statement ย้อนหลัง 3 เดือน
- Bank Certificate อายุเอกสารไม่เกิน 10 วันก่อนยื่นเอกสาร
Visaบางประเภทอาจจะใช้แค่ ใบจองตั๋ว-ที่พัก พร้อมกับจดหมายแนะนำตัว ก็เพียงพอ ในVisaบางประเภทอาจจะต้องใช้หลักฐานด้านการเงินเป็นหลัก เพราะฉะนั้นแล้วทีมงานมีทรัพย์แนะนำว่าให้ทุกคนอ่านข้อมูลที่สถานทูตได้ทำการชี้แจงไว้ให้อย่างละเอียดเลยนะคะ
และถึงแม้การเตรียมเอกสาร จะเป็นสิ่งที่น่าปวดหัวที่สุดในการยื่นขอVisa แต่ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในขั้นตอนที่สำคัญที่สุด เช่นกันค่ะ ยังไงแล้วทีมงานมีทรัพย์ขอตัวก่อน และเดี๋ยวบทความหน้าจะหาสาระดีๆมาเล่าให้ฟังอีกค่ะ
เคล็ดลับในการยื่นวีซ่า?
แจกฟรี! เคล็ดลับ ในการยื่น visa ให้ผ่าน! ทำได้ยังไง? ทีมงานมีทรัพย์จะมาเล่าให้ฟังค่ะ
อันดับแรก ทีมงานมีทรัพย์แนะนำว่า ให้ทุกคนเริ่มจากการประเมินตนเองก่อนค่ะ ว่าเรานั้น กำลังจะยื่น visa ประเภทอะไร ตรงกับเหตุผลที่จะเดินทางไปจริงๆไหม และ มีความเสี่ยงในการถูกปฏิเสธมาก – น้อย แค่ไหนค่ะ
อันดับต่อมา ให้ดูว่าสถานทูต จะสามารถมีข้อสงสัยตรงไหนได้บ้าง ในเงื่อนไขของตัวเรา และให้หาเอกสาร มาเตรียมพร้อมเพื่อตอบคำถามนั้น เช่น หากผู้เดินทางเป็นผู้เยาว์ ทางสถานทูตอาจจะมีข้อสงสัยว่าจะสามารถกำลังทรัพย์ในการเดินทางได้จริงหรือไม่ ดังนั้น ในกรณีนี้ อาจจะต้องทำเอกสารเพิ่มเติม เช่น จดหมายสนับสนุน หรือ Sponsor Letter เตรียมไว้
อันดับที่สาม ให้ตรวจสอบข้อมูล และเอกสารทุกจุดอย่างละเอียด เพราะการที่ข้อมูลไม่ตรงกันเพียงจุดเดียว อาจจะทำให้ต้องให้เวลาแก้ และพิมพ์ใหม่ หรืออาจจะทำให้ถูกปฏิเสธvisaได้เลย
และอันดับสุดท้าย หากจะต้องเดินทางไปยังสถานทูตเพื่อสัมภาษณ์ ให้ทุกคนเตรียมพร้อมในการสื่อสารข้อมูลให้ชัดเจนและตรงจุด เพื่อให้สถานทูตมีความมั่นใจว่าเรานั้น มีคุณสมบัติมากพอในการเดินทางตามจุดประสงค์นั้นๆ
รับทำวีซ่า หากทุกคนอ่านแล้วไม่ได้ติดปัญหาในข้อไหนเลย ก็ให้มั่นใจได้เลยว่า visa ที่เรายื่นนั้น มีโอกาสผ่านที่สูงระดับนึงเชียวละ ทีมงานมีทรัพย์ขอแสดงความยินดีด้วยค่ะ