วีซ่าประเทศ 10 ประเทศที่คนไทยนิยมไปเที่ยวสูงสุด
วีซ่าประเทศ เคยสงสัยกันไหมว่ามีประเทศที่คนไทยนิยมไปเที่ยวสูงสุดประเทศไหนกันบ้าง อย่างที่ทุกคนจะเห็นได้ว่าเทรนด์การท่องเที่ยวเริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง ทั้งภายในประเทศ และต่างประเทศเอง และยังมีบางประเทศที่ใช้วีซ่า และไม่ใช่วีซ่า ซึ่งประเทศยอดฮิตที่คนไทยนิยมไปกันก็จะมีทั้งญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นโตเกียว หรือ โอซาก้าเอง หรือ เกาหลีใต้ที่ในช่วงหลังมาต้องมีการขอ K-ETA ผ่านทาง website ก่อนเข้าประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งคล้าย ๆ กับการขอวีซ่า และประเทศที่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากเราเท่าไหร่นักอย่างสิงคโปร์ ซึ่งคนไทยไม่ต้องขอวีซ่าในการเดินทางเข้าไปท่องเที่ยว แต่ในขณะเดียวกันก็จะมีบางกรณีที่ยังต้องใช้วีซ่าในการเดินทางไปอยู่ โดย 10 ประเทศที่พูดถึงได้แก่
- ญี่ปุ่น
- เกาหลีใต้
- ฮ่องกง
- สิงคโปร์
- สหรัฐอเมริกา
- ออสเตรเลีย
- จีน
- เวียดนาม
- สหราชอาณาจักร
- ฝรั่งเศส
ในบทความนี้ เราจะพาไปทำความรู้จักกับ 10 ประเทศที่คนไทยนิยมไปเที่ยวสูงสุดกันว่าประเทศใด มีข้อกำหนดอย่างไรบ้าง มีเอกสารอะไรที่ต้องใช้เป็นพิเศษมั้ย หรือ ประเทศไหนฟรีวีซ่าบ้าง
1.ญี่ปุ่น
ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวชาวไทยมาอย่างยาวนาน ด้วยวัฒนธรรมและประเพณีที่โดดเด่น อาหารอร่อย ธรรมชาติที่สวยงาม สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในญี่ปุ่น อย่างโตเกียว โอซาก้า เกียวโต ฮอกไกโด ฟุกุโอกะ และนาโกย่า
สำหรับคนไทยที่อยากเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่น ไม่เกิน 15 วัน
สามารถเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่นได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า โดยต้องแสดงเอกสารต่าง ๆ ตามด้านล่างนี้ ให้กับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองที่สนามบินญี่ปุ่นดู
- หนังสือเดินทางที่มีอายุเหลือไม่น้อยกว่า 6 เดือน
- ตั๋วเครื่องบินขากลับ หรือ ตั๋วเครื่องบิน transit
- หลักฐานแสดงว่ามีเงินเพียงพอสำหรับใช้จ่ายระหว่างอยู่ที่ในประเทศญี่ปุ่น
- เอกสารประกอบในการเดินทางมาเที่ยวญี่ปุ่น เช่น ใบจองโรงแรม ใบจองตั๋วเครื่องบิน เป็นต้น
แต่หากต้องการเดินทางไปทำงาน หรือ เรียนที่ประเทศญี่ปุ่น
จะต้องขอวีซ่าจากสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย หรือ สถานกงสุลญี่ปุ่นประจำประเทศไทย โดยต้องยื่นเอกสาร ดังนี้
- ใบสมัครขอวีซ่า
- หนังสือเดินทางที่มีอายุเหลือไม่น้อยกว่า 6 เดือน
- รูปถ่ายขนาด 2 นิ้ว 2 ใบ
- เอกสารแสดงวัตถุประสงค์ในการเดินทางไปญี่ปุ่น เช่น ใบตอบรับจากสถานศึกษาหรือบริษัท เป็นต้น
- เอกสารแสดงความสัมพันธ์กับคู่สมรส หรือ บุตรที่อาศัยอยู่ในญี่ปุ่น (สำหรับวีซ่าพำนักเพื่อครอบครัว)
2.เกาหลีใต้
เกาหลีใต้เป็นประเทศที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวชาวไทยเช่นกัน ด้วยวัฒนธรรม K-Pop K-Drama และ K-Beauty สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเกาหลีใต้ ได้แก่ โซล ปูซาน อินชอน เกาะเชจู และเมืองคยองจู โดยคนไทยที่อยากไปเที่ยวประเทศเกาหลีใต้ จำเป็นต้องสมัคร K-ETA
K-ETA หรือ Korea Electronic Travel Authorization
เป็นระบบอนุมัติการเดินทางทางอิเล็กทรอนิกส์ของเกาหลีใต้ สำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางของ 184 ประเทศและเขตการปกครองที่ได้รับการยกเว้นวีซ่า สามารถเดินทางเข้าประเทศเกาหลีใต้ได้โดยไม่ต้องขอวีซ่าแบบกระดาษ โดยต้องแสดงหนังสือเดินทางที่มี K-ETA ที่ได้รับการอนุมัติ
K-ETA มีอายุ 2 ปี นับจากวันที่อนุมัติ หากต้องการเดินทางเข้าประเทศเกาหลีใต้อีกครั้งในช่วงระยะเวลา 2 ปี ไม่จำเป็นต้องสมัคร K-ETA ใหม่ เพียงแสดงหนังสือเดินทางที่มี K-ETA ที่ได้รับการอนุมัติครั้งก่อน
ขั้นตอนการสมัคร K-ETA มีดังนี้
-
เข้าสู่เว็บไซต์ของ K-ETA (https://www.k-eta.go.kr/)
-
เลือกภาษาไทย
-
กรอกข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลการเดินทาง
-
ชำระค่าธรรมเนียม 4,000 วอน (ประมาณ 120 บาท)
-
ตรวจสอบข้อมูลและยืนยันการสมัคร
ระยะเวลาในการดำเนินการอนุมัติ K-ETA ประมาณ 30 นาที หากได้รับอนุมัติ ระบบจะส่งแจ้งผลอนุมัติผ่านทาง Email
เอกสารที่ต้องใช้ในการสมัคร K-ETA มีดังนี้
- หนังสือเดินทางที่มีอายุเหลือไม่น้อยกว่า 6 เดือน
- รูปถ่ายขนาด 2 นิ้ว 1 ใบ
- หมายเลขโทรศัพท์มือถือที่สามารถติดต่อได้
- อีเมลที่สามารถติดต่อได้
ผู้สมัคร K-ETA จะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขดังต่อไปนี้
-
- มีหนังสือเดินทางที่มีอายุเหลือไม่น้อยกว่า 6 เดือน
- มีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี
- ไม่เป็นผู้ที่เคยถูกปฏิเสธเข้าประเทศเกาหลีใต้
- ไม่เป็นผู้ที่เคยถูกเนรเทศออกจากประเทศเกาหลีใต้
- ไม่เป็นผู้ที่มีประวัติอาชญากรรม
3. ฮ่องกง
ฮ่องกงเป็นประเทศที่เป็นศูนย์กลางการค้าและการเงินของโลก และสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในฮ่องกงที่เป็นที่นิยมอย่าง Hong Kong Disneyland, Victoria Harbour และหากใครเป็นสายบุญแน่นอนว่าต้องไป Tia Tan Buddha
คนไทยสามารถเดินทางเข้าฮ่องกงได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า โดยสามารถอยู่ได้ไม่เกิน 30 วัน หากต้องการอยู่เกิน 30 วัน หรือเดินทางเพื่อวัตถุประสงค์อื่น เช่น ทำงาน ศึกษา หรือเยี่ยมญาติ ต้องขอวีซ่าจากสถานกงสุลใหญ่ฮ่องกงประจำประเทศไทย
เอกสารที่ต้องใช้ในการขอวีซ่าฮ่องกง มีดังนี้
- ใบสมัครขอวีซ่า
- หนังสือเดินทางที่มีอายุเหลือไม่น้อยกว่า 6 เดือน
- รูปถ่ายขนาด 2 นิ้ว 2 ใบ
- หลักฐานแสดงวัตถุประสงค์ในการเดินทางไปฮ่องกง เช่น ใบตอบรับจากสถานศึกษาหรือบริษัท ใบจองโรงแรม ใบจองตั๋วเครื่องบิน เป็นต้น
- หลักฐานแสดงว่ามีเงินเพียงพอสำหรับใช้จ่ายระหว่างอยู่ในฮ่องกง เช่น สมุดบัญชีธนาคาร หนังสือรับรองรายได้ เป็นต้น
- ประกันการเดินทาง
- ระยะเวลาในการดำเนินการขอวีซ่าฮ่องกง ประมาณ 4 วันทำการ
ประเภทวีซ่าฮ่องกง มีดังนี้
- วีซ่าธุรกิจ : สำหรับผู้เดินทางเข้าฮ่องกงเพื่อวัตถุประสงค์ทางธุรกิจ
- วีซ่าการศึกษา : สำหรับผู้เดินทางเข้าฮ่องกงเพื่อการศึกษา
- วีซ่าทำงาน : สำหรับผู้เดินทางเข้าฮ่องกงเพื่อการทำงาน
ผู้ขอวีซ่าฮ่องกงจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขดังต่อไปนี้
- มีหนังสือเดินทางที่มีอายุเหลือไม่น้อยกว่า 6 เดือน
- มีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี
- ไม่เป็นผู้ที่เคยถูกปฏิเสธเข้าฮ่องกง
- ไม่เป็นผู้ที่เคยถูกเนรเทศออกจากฮ่องกง
- ไม่เป็นผู้ที่มีประวัติอาชญากรรม
4. สิงคโปร์
สิงคโปร์เป็นประเทศที่เป็นศูนย์กลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ASEAN) สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในสิงคโปร์ ได้แก่ Merlion, Universal Studio Singapore และ Marina Bay Sands ซึ่งคนไทยสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวได้โดยไม่ต้องของวีซ่า และอยู่ในประเทศได้ไม่เกิน 30 วัน แต่หากต้องการไปเรียน หรือ ทำงานต้องทำการขอวีซ่าตามประเภทวัตถุประสงค์ที่ต้องการเดินทางเข้าประเทศ
สำหรับคนที่ไม่ได้มาเพื่อการท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียว เช่น ธุรกิจ เรียน หรือทำงาน จะต้องขอวีซ่าสิงคโปร์
เอกสารที่ต้องใช้ในการขอวีซ่าสิงคโปร์ ได้แก่
- หนังสือเดินทางที่มีอายุเหลือมากกว่า 6 เดือน และมีที่ว่างอย่างน้อย 3 หน้า
- แบบฟอร์มขอวีซ่าสิงคโปร์ที่กรอกข้อมูลครบถ้วนและเซ็นชื่อ
- รูปถ่ายสีพื้นหลังขาว ขนาด 2×2 นิ้ว จำนวน 2 รูป
- หลักฐานแสดงวัตถุประสงค์ในการเข้าประเทศ เช่น จดหมายรับรองการทำงาน จดหมายเชิญจากผู้เป็นสปอนเซอร์ ใบตอบรับจากมหาวิทยาลัย หรือใบสมัครงาน เป็นต้น
- หลักฐานแสดงสถานะทางการเงิน เช่น บัญชีเงินฝาก สเตทเมนท์ หรือหนังสือรับรองรายได้
- ใบจองตั๋วเครื่องบิน ไป-กลับ
ค่าธรรมเนียมในการขอวีซ่าสิงคโปร์
อยู่ที่ 30 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ประมาณ 870 บาท) ระยะเวลาพิจารณาวีซ่าอยู่ที่ประมาณ 4 วันทำการ
วิธีการยื่นขอวีซ่าสิงคโปร์
ผู้เดินทางสามารถยื่นขอวีซ่าสิงคโปร์ได้ด้วยตัวเองหรือผ่านตัวแทน โดยสามารถยื่นขอได้ที่สถานเอกอัครราชทูตสิงคโปร์ประจำประเทศไทย หรือสถานกงสุลใหญ่สิงคโปร์ประจำประเทศไทย ดังนี้
-
การยื่นขอวีซ่าด้วยตัวเอง
ผู้เดินทางสามารถยื่นขอวีซ่าด้วยตัวเองได้ที่สถานเอกอัครราชทูตสิงคโปร์ประจำประเทศไทย หรือสถานกงสุลใหญ่สิงคโปร์ประจำประเทศไทย โดยจะต้องนำเอกสารที่ต้องใช้ในการขอวีซ่ามาแสดงต่อเจ้าหน้าที่
-
การยื่นขอวีซ่าผ่านตัวแทน
สามารถยื่นขอวีซ่าผ่านตัวแทนที่ให้บริการรับยื่นขอวีซ่า โดยตัวแทนจะเป็นผู้รวบรวมเอกสารและยื่นขอวีซ่าให้
ขั้นตอนการตรวจสอบสถานะวีซ่าสิงคโปร์
สามารถตรวจสอบสถานะวีซ่าสิงคโปร์ได้ด้วยตัวเองผ่านเว็บไซต์ของ Immigration & Checkpoints Authority (ICA) ของสิงคโปร์ โดยจะต้องกรอกหมายเลขใบสมัครวีซ่าและวันเกิด
นอกจากนี้ยังสามารถตรวจสอบสถานะวีซ่าสิงคโปร์ได้ผ่านแอปพลิเคชัน SG Arrival Card โดยจะต้องกรอกหมายเลขใบสมัครวีซ่าและข้อมูลส่วนบุคคล
5. สหรัฐอเมริกา
สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลก สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในสหรัฐอเมริกา ได้แก่ New York, LA, San Francisco และ Washington D.C. โดยประเทศสหรัฐฯ เป็นประเทศที่คนไทยต้องขอวีซ่า และวีซ่ามีหลากหลายประเภท ดังนั้นการขอวีซ่าจึงจะมีการเตรียมในเรื่องของเอกสารค่อนข้างเยอะ ดังนั้นสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการวีซ่าอเมริกาได้ที่นี้
6. ออสเตรเลีย
ออสเตรเลีย เป็นประเทศที่มีชื่อเสียงด้านชายหาดที่สวยงาม สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมใน ออสเตรเลีย ได้แก่ Sydney, Melbourne, Gold Coast, Brisbane และ Tasmania อีกทั้งเรื่องของธรรมชาติ และสัตว์ที่เป็นเอกลักษณ์อย่างจิงโจ้ แถมมีความหลากหลายทั้งเรื่องของวัฒนธรรม และอาหารต่าง ๆ ซึ่งออสเตรเลียเป็นประเทศที่ต้องใช้วีซ่าในการท่องเที่ยวเช่นเดียวกัน รวมไปถึงหากใครอยากไปทำงาน หรือ อยากไปเรียนต่อ เรียนคอร์สภาษาก็ต้องทำการขอวีซ่าเช่นเดียวกัน หากใครต้องการคำปรึกษาในการเตรียมเอกสาร หรือ ในส่วนของประเภทวีซ่าที่ต้องขอ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี้
7. จีน
จีน เป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เมืองท่องเที่ยวยอดนิยมใน จีน ได้แก่ ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ ฮ่องกง ฉางซา และกวางโจว รวมไปถึงสถานที่ที่เป็นที่พูดถึงทั่วโลกอย่างกำแพงเมืองจีน พระราชวังต้องห้าม วัดถังหลี เมืองโบราณหลี่เจียง ทะเลสาบซีหู และหากใครมีแพลนที่อยากเดินทางไปท่องเที่ยวเมืองจีนก่อน 1 มี.ค. 68 ต้องขอวีซ่าตามปกติ และหากเดินทางไปเรียน หรือ ไปทำงาน ก็ต้องขอวีซ่า แต่เป็นอีกประเภทเช่นเดียวกัน ซึ่งในส่วนนี้ก็จะต้องมีการเตรียมการในการยื่นสมัครวีซ่า ทั้งในเรื่องของเอกสารต่าง ๆ ดังนั้นสามารถดูรายละเอียด และปรึกษาเพิ่มเติมได้ที่นี้
8. เวียดนาม
เวียดนาม เป็นประเทศที่มีชายหาดที่สวยงาม วัฒนธรรมที่โดดเด่น และอาหารอร่อย เมืองท่องเที่ยวยอดนิยมในเวียดนาม ได้แก่ โฮจิมินห์ซิตี้ ฮานอย ดานัง ฮอยอัน และมุยเน่ ซึ่งเป็น 1 ในประเทศ ASEAN ดังนั้นแล้วคนไทยจึงไม่ต้องขอวีซ่าในการเดินทางไปท่องเที่ยว และอยู่ได้มากสุดถึง 30 วัน
9. สหราชอาณาจักร
สหราชอาณาจักร หรือที่เราคุ้นเคยกันว่า อังกฤษ เป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่ยาวนาน สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมใน สหราชอาณาจักร ได้แก่ ลอนดอน ลอนดอนบริดจ์ พระราชวังบักกิงแฮม หอนาฬิกาบิ๊กเบน และพิพิธภัณฑ์บริติช ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่โดดเด่นเรื่องการศึกษาทั้งคอร์สเรียน ภาษาอังกฤษ ระยะสั้น และระยะยาวที่เป็นมหาวิทยาลัยต่าง ๆ โดยทั้งเรื่องของการเดินทางไปท่องเที่ยว เดินทางไปแต่งงาน เรียน หรือ ทำงานก็จำเป็นต้องขอวีซ่า โดยสามารถอ่านรายละเอียดเบื้องต้นเพิ่มเติมของประเทศอังกฤษได้ที่นี้
10. ฝรั่งเศส
ฝรั่งเศสเป็นประเทศที่มีชื่อเสียงด้านแฟชั่น อาหาร และศิลปะ สถานที่ท่องเที่ยว ยอดนิยมในฝรั่งเศส ได้แก่ ปารีส หอไอเฟล พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ มหาวิหารน็อทร์-ดาม และถนนชองเซลีเซ ซึ่งประเทศฝรั่งเศสเป็น 1 ในประเทศกลุ่ม EU ดังนั้นวีซ่าที่ต้องดำเนินการขอจะเป็นวีซ่าเชงเก้น ซึ่งข้อดีของวีซ่านี้คือสามารถเดินทางได้หลาย ประเทศในยุโรป แบบครบจบ โดยสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี้
นอกจาก 10 ประเทศที่กล่าวมาแล้ว ยังมีอีกหลายประเทศที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวชาวไทยเช่นกัน เช่น ไต้หวัน อินเดีย มาเลเซีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ การเลือกประเทศที่จะไปเที่ยวนั้นขึ้นอยู่กับความสนใจและงบประมาณ ของแต่ละคน สามารถศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับประเทศต่าง ๆ ล่วงหน้า เพื่อวางแผนการเดินทางได้อย่างเหมาะสม รวมไปถึงการขอวีซ่า เพื่อไปยังประเทศต่าง ๆ