เที่ยวอิตาลีครั้งแรกกับ 12 แลนด์มาร์คดัง ดีต่อใจ ไปแล้วต้องหลงรัก!!

สำหรับใครที่อยากเที่ยวอิตาลี(Italy) ประเทศนี้เป็นประเทศที่มีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายแต่ละแว่นแคว้นให้ประสบการณ์ที่แตกต่างกัน ความกว้างใหญ่ไพศาลของอิตาลี ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวสวยงามมากมายที่ยังไม่เป็นที่รู้จัก หรือเป็นที่รู้จักกันในวงแคบ หลายๆสถานที่ท่องเที่ยวซ่อนความสวยงามและความคลาสิกไว้ในภูมิภาคต่างๆ การเปิดประสบการณ์การท่องเที่ยวอิตาลีกับเมืองอันซีนนอกกระแสเช่นนี้ ปรับมุมมองของเราให้กว้างขึ้น ผู้คนถวิลหาประสบการณ์ใหม่ๆ การได้สัมผัสความสวยงามที่น้อยคนจะได้เห็น เที่ยวจุดเช็คอินแปลกใหม่ โพสต์ถ่ายภาพกับแลนด์มาร์ค ที่ไม่ใช่เป็นมุมมหาชนที่ใครๆก็มี Mesubtravel จึงได้คัดสรรเมืองอันซีนสวยๆของประเทศอิตาลี มาช่วยเปิดประสบการณ์ใหม่ที่แตกต่าง รับรองว่าคุ้มค่าแน่นอน

มีคำกล่าวว่า “อิตาลี ฤดูใบไม้ผลิ และรักครั้งแรก สามสิ่งนี้น่าจะเพียงพอที่จะทำให้คนที่เศร้าหมองกลับมามีความสุขได้อีกครั้ง” ฟังดูเหมือนอิตาลีจะมีความพิเศษบางประการที่ทำให้ใครๆ ต่างพากันตกหลุมรัก เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าประเทศอิตาลีเป็นจุดหมายปลายทางในฝันของนักท่องเที่ยวทั่วโลก กลิ่นอายความโรแมนติกท่ามกลางสถาปัตยกรรมคลาสสิกสไตล์ยุโรป ที่ถูกแวดล้อมด้วยทะเลและเทือกเขาที่มีความสมบูรณ์และสวยงามตามธรรมชาติ เหมาะสำหรับเป็นพิกัดท่องเที่ยวและพักผ่อนหย่อนใจ ปล่อยให้มวลบรรยากาศความเป็นอิตาลีเรียกความสดใสคืนกลับมาให้คุณ นอกจากกรุงโรมและเมืองเวนิสที่เป็นเสมือนแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมแล้ว รู้หรือไม่ว่าอิตาลียังมีเมืองเล็กๆ แสนน่ารักและดีต่อใจอีกหลายแห่งที่รอให้คุณไปพิสูจน์ความสวยงาม รับรองว่าต้องตกหลุมรักแน่นอน ตาม Mesubtravel มาเลยค่ะ

1. โคลอสเซียม (Colosseum)

เที่ยวอิตาลีเที่ยวอิตาลี

โคลอสเซียม หนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลก เป็นสนามกีฬากลางแจ้งที่ใหญ่โตแอนด์มโหฬารที่สุดในสมัยโบราณค่า สร้างขึ้นในปี ค.ศ.72 โดยจักรพรรดิเวสปาเซียน รูปทรงโค้งเป็นวงกลม ก่อด้วยอิฐและหินขนาดใหญ่ วัดโดยรอบ ยาว 527 เมตร สูง 57 เมตร มี 4 ชั้น จุคนได้ถึงประมาณ 80,000 คนเลยทีเดียวว มีการออกแบบทางระบายน้ำเพื่อไม่ให้น้ำท่วมขังตอนฝนตก ถือเป็นต้นแบบของสนามกีฬาต่างๆ ในปัจจุบันเลยล่ะค่ะ งานที่สร้างในสมัยนั้นแต่ยิ่งใหญ่อลังการขนาดนี้ น่านับถือฝีมือมากๆ โลยยย ปรบมือ!!!

2. มหาวิหารแพนธีออน (Pantheon)

เที่ยวอิตาลี

มหาวิหารแห่งนี้มีอายุกว่า 2,000 ปีค่ะ อู้วววว แค่ดูอายุก็รู้แล้วว่าขลัง แต่เดิมสร้างโดยมาร์คัส วิพซานิอัส อกริพพา (Marcus Vipsanius Agrippa) ใช้เป็นเทวสถานสำหรับเทพต่างๆ ของโรมันโบราณและเป็นคริสต์ศาสนสถานของโรมันคาทอลิกค่ะ

ต่อมาได้รับการสร้างใหม่ในต้นคริสต์ศตวรรษที่ 2 และก็ยังคงใช้งานกันมาตลอดตั้งแต่สร้างครั้งแรก แต่สภาพยังดีเหมือนเดิมเลย นอกจากกาลเวลาจะไม่สามารถทำให้มหาวิหารแพนธีออนผุพังไปได้แล้ว ยังเป็นสิ่งก่อสร้างจากสมัยโรมันที่คงสภาพสมบูรณ์ที่สุดอีกด้วยค่า แสดงให้เห็นถึงอัจฉริยะในการสรรค์สร้างของสถาปนิกสมัยโบราณจริงๆ

ความน่าทึ่งนี้เริ่มตั้งแต่เสาหินแกรนิตขนาดยักษ์ด้านหน้าเลยล่ะค่ะ ที่เรียงตัวเป็นแนวยาวเหมือนวิหารกรีก แต่ละเสาทำจากหินก้อนเดียวเลยนะคะ ไม่ได้เอามาต่อกัน ตัววิหารไม่มีเสาค้ำกลางคอยรับน้ำหนักเลยทั้งที่มีขนาดใหญ่โตมากกก มีหลังคาโดมและมีช่องวงกลมขนาดใหญ่ตรงกลางให้แสงผ่านเข้ามา ช่องนี้เรียกว่าช่อง โอคูลุส ซึ่งแปลว่าตาค่ะ สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นนาฬิกาแดดและช่วยส่องแสงสว่างให้กษัตริย์ในอดีตในขณะที่เสด็จมาประกอบพิธีสำคัญๆ ภายในมหาวิหาร

3. น้ำพุเทรวี (Trevi Fountain)

เที่ยวอิตาลี

น้ำพุแบบบาโรกที่ใหญ่และมีชื่อเสียงที่สุดในกรุงโรมค่ะ มีความสูง 25.9 เมตร กว้าง 19.8 เมตร ตั้งอยู่ตรงทางสามแพร่ง จึงเป็นที่มาของชื่อเทรวี ที่มาจากคำว่าตรีวิอุม หมายถึงการพบกันของถนนสามสายนั่นเองจ้า

น้ำพุเทรวีขึ้นชื่อในเรื่องความสวยงาม เป็นแบบสไตล์บารอค ซึ่งองค์สมเด็จสันตะปาปาครีเมนต์ที่ 12 ได้มอบหมายให้ นิโคลา ซาลวี่ ออกแบบและก่อสร้างขึ้นในปี 1732 โดยใช้เวลาสร้างทั้งสิ้นรวม 30 ปี แถมยังมีเสน่ห์จนภาพยนตร์หลายเรื่องพากันมาถ่ายทำที่นี่เลยล่ะค่า

ตรงกลางน้ำพุมีรูปปั้นแกะสลักเทพเจ้าเนปจูนและไทรทันซึ่งเป็นเทพแห่งท้องทะเลตั้งอยู่อย่างอลังการ แสดงถึงการมีสุขภาพที่แข็งแรง ความอุดมสมบูรณ์ของอาณาจักร และลักษณะของทะเลที่เงียบสงบและแปรปรวน ว่ากันว่าถ้าใครโยนเหรียญลงไปในน้ำแล้วอธิษฐานจะทำให้กลับมายังประเทศอิตาลีอีกครั้งด้วยน้า โดยการโยนที่ถูกต้องคือหันหลังให้กับน้ำพุ ใช้มือขวากำเหรียญเอาไว้พร้อมอธิษฐานในใจ แล้วโยนเหรียญข้ามไหล่ซ้ายของเราให้ลงบ่อน้ำพุ ก็จะสมหวังตามคำอธิษฐานแหละ จะมีใครไปโยนเหรียญที่น้ำพุพารากอนบ้างมั้ยนะ

4. ปอมเปอี (Pompeii)

เที่ยวอิตาลี

สัมผัสเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของชาติอิตาลีผ่านเมืองปอมเปอี หนึ่งในนครเก่าแก่ของอิตาลีที่มีจุดเริ่มต้นตั้งแต่ 700-800 ปีก่อนคริสตศักราช โดยในช่วงยุคแรกเริ่ม ปอมเปอีเป็นหนึ่งในเมืองที่มีความเจริญรุ่งเรืองมากที่สุด โดยเฉพาะในช่วงยุคสมัยโรมัน จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ภัยธรรมชาติอันยิ่งใหญ่อย่างภูเขาไฟวิสุเวียสระเบิด (Eruption of Mount Vesuvius) ทำให้เมืองดังกล่าวล่มสลาย ก่อนที่ในช่วงปี 1534 จะมีการค้นพบเมืองดังกล่าว และในปัจจุบันได้กลายเป็นสถานที่เที่ยวทางด้านประวัติศาสตร์อิตาลีที่มีนักเดินทางหลั่งไหลมาเยือนอยู่เสมอ

5. Venice อิตาลี แกรนด์คาแนล (Grand Canal)

เที่ยวอิตาลีเที่ยวอิตาลี

เมืองเวนิส Venice หรือเมืองเวเนเซีย Venezia ตามภาษาอิตาเลียน เป็นที่รู้จักกันดีสำหรับคนไทย และถือเป็นจุดหมายปลายทางที่ผู้คนทั่วโลกต่างใฝ่ฝันที่จะมาเยือนสักครั้งในชีวิต เวนิสเป็นเมืองที่มีบรรยากาศสวย และโรแมนติกมากที่สุดแห่งนึงของโลก เปรียบเสมือนห้องรับแขกของทวีปยุโรป ต้อนรับนักท่องเที่ยวปีละ มากกว่า 30 ล้านคน โดยองค์การยูเนสโก้ได้ประกาศให้เป็นเมืองมรดกโลกตั้งแต่ปี 1987

แกรนด์คาแนล เป็นคลองที่มีชื่อเสียงที่สุดของเวนิสในด้านการท่องเที่ยวจ้า มาที่นี่แล้วที่พลาดไม่ได้เลยคือการล่องเรือกอนโดล่า เพราะริมคลองมีทางเดินอยู่เพียงเล็กน้อย การสัญจรทางเรือจึงเป็นที่นิยมมากค่ะ และในสมัยก่อนนั้น เรือสินค้าขนาดใหญ่ต้องใช้คนพายหลายคน เมื่อสินค้ามาถึงยังเกาะเวนิสก็ต้องมีการแบ่งสินค้าและถ่ายเทไปแจกจ่ายค้าขายทั่วทั้งเกาะ แต่พื้นที่บางจุดถูกตัดขาดและไม่มีสะพานเชื่อมต่อ จึงต้องนำสินค้าขนใส่เรือแจวลำเล็กเรือกอนโดลา นั่นเองค่ะ

และในปัจจุบันเรือกอนโดลาก็กลายเป็นสัญลักษณ์ของเวนิสไปเป็นที่เรียบร้อย ล่องเรือเพลินๆ กับคลองที่มีความยาวประมาณ 3,800 เมตร และมีความกว้างประมาณ 30-90 เมตร ที่นี่อากาศดี และบ้านเมืองสะอาดตามากค่ะ ชมบ้านเรือนสวยๆ สีสรรหลากหลาย แต่ยังคงรูปแบบเดิมอายุหลายร้อยปีไว้อย่างดี ผ่านสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญระดับโลกเกือบทั้งหมดของเมือง ทั้งพระราชวังและโบสถ์และสถาปัตยกรรมที่งดงามเรียงรายอยู่ริมฝั่งคลอง รับรองว่าจะเป็นประสบการณ์ที่คุณจะต้องหลงรักอย่างแน่นอนนเลยค่า

6. หอเอนปิซา (Pisa Tower)

เที่ยวอิตาลี

พบกับที่เที่ยวอิตาลีสุดไอคอนิกอย่างหอเอนปิซาซึ่งเป็นหอระฆังสูงรูปทรงกระบอกที่มีชื่อเสียงอย่างมาก โดยหลายคนอาจคุ้นเคยกันดีกับเหตุการณ์การทดลองการตกของสองวัตถุของกาลิเลโอ กาลิเลอิ (Galileo Galilei) นักวิทยาศาสตร์และนักคณิตศาสตร์ชาวอิตาลี โดยจุดเด่นของหอเอนปิซาคือลักษณะของหอระฆังที่มีความเอนเอียงไปทางด้านนึง เนื่องจาก หอดังกล่าวถูกสร้างขึ้นบนชั้นดินทรายและดินโคลนจึงทำให้ฐานไม่มั่นคงนั่นเอง ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาได้มีนักวิศวกร และผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบและแก้ไข จนกระทั่งในปัจจุบันได้กลายเป็นที่เที่ยวอิตาลีสุดฮิต ที่แม้จะยังคงเอียงอยู่ แต่รับรองว่าสามารถมาเที่ยวเล่นพร้อมถ่ายรูปได้อย่างเต็มที่เลย

7. ถ้ำสีน้ำเงินแห่งเกาะคาปรี (Blue Grotto, Capri Island)

เที่ยวอิตาลี

รับชมปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ยากจะพบเห็นผ่านถ้ำสีน้ำเงิน หรือ Blue Grotto ซึ่งเป็นถ้ำติดชายฝั่งของเกาะคาปรี โดยเกาะแห่งนี้ได้ถือกำเนิดขึ้นจากการกัดเซาะของน้ำทะเลจนทำให้ภายปากทางเข้าถ้ำมีช่องว่างที่ทำให้เหล่านักเดินทางสามารถทำกิจกรรมอันเป็นไฮไลท์ของถ้ำแห่งนี้อย่างการนั่งเรือเข้าไปในถ้ำเพื่อสัมผัสแสงสีน้ำเงินสวยงามซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ

8. เกาะคาปรี อมัลฟี โปซีตาโน (Positano)

เที่ยวอิตาลี

โปซีตาโน (Positano) หรือโพสิตาโน่ เป็นหมู่บ้านขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียนของอิตาลี หรือในบริเวณที่เรียกว่าชายฝั่งอมาลฟี (Amalfi Coast)

ตัวหมู่บ้านมีความโดดเด่น เพราะว่าเป็นบ้านเรือนนั้นเป็นแบบโบราณในสมัยยุคกลาง และตั้งอยู่บนสันเขาที่ลาดลงไปในท้องทะเล ทำให้บรรยากาศของที่นี่นั้นโรแมนติกสุดๆ ทำให้ที่นี่เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์จำนวนมาก นอกจากนี้ยังดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วไปตลอดจนเซเลประดับโลกให้เดินทางไปที่นี่ทุกปี

โปซีตาโนตั้งอยู่ทางภาคใต้ของอิตาลี โดยเป็นส่วนหนึ่งของจังหวัด Salerno ในภูมิภาค Campania สภาพภูมิศาสตร์ทำให้โปซีตาโนอบอุ่นตลอดปี ช่วงฤดูร้อนก็ไม่ทรมานเกินไป เพราะมีลมทะเลพัดเข้ามาให้รู้สึกสดชื่นตลอดเวลา

ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจที่โปซีตาโนจะได้รับความนิยมมาตั้งแต่ยุคโรมัน ชนชั้นสูงชาวโรมันได้มาสร้างบ้านพักตากอากาศขึ้นที่นี่มาตั้งแต่ช่วง 100 ปีก่อนคริสตกาลเลย ในช่วงยุคกลางและยุคฟื้นฟูศิลปวิทยานั้น โปซีตาโนได้กลายเป็นเมืองท่าที่รุ่งโรจน์ ชาวประมงมักนำสินค้าจากท้องทะเลมาขายกันที่นี่ แต่ในช่วงศตวรรษที่ 19 โปซีตาโนกลับเสื่อมถอยอย่างรุนแรง จากที่เคยเป็นเมืองก็กลายเป็นหมู่บ้านเท่านั้น

อย่างไรก็ดีในช่วงศตวรรษที่ 20 โปซีตาโนได้เริ่มมีชื่อเสียงอีกครั้งเหมือนกับยุคโรมันในสถานะสถานที่ท่องเที่ยว ความสวยงามของทั้งสถาปัตยกรรมและธรรมชาติได้ทำให้ที่นี่กลายเป็นอีกหนึ่งสถานที่ยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลก

9. ทะเลสาบโคโม่ (Lake Como)

เที่ยวอิตาลีเที่ยวอิตาลี

ได้รับการขนานนามว่าเป็นทะเลสาบที่สวยที่สุดในอิตาลี และยังเป็นทะเลสาบที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของอิตาลี เป็นทะเลสาบที่ลึกเป็นลำดับที่ 5 ของยุโรป เที่ยวอิตาลีต้องมาดูให้เห็นกับตา ในสมัยก่อนทะเลสาบโคโม่เป็นสถานที่พักผ่อนของเหล่าขุนนางชั้นสูง ราชวงศ์ ซึ่งรอบทะเลสาบนี้มีวิลล่า พระราชวังมากมายทำให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมจากอดีตมาถึงปัจจุบัน ที่สำคัญอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองมิลานนั่งรถไฟมาแค่ครึ่งชั่วโมงก็ถึงที่นี่แล้ว และยังมีสถานที่ท่องเที่ยวไฮไลท์ของเมืองถ้าหากมาถึงแล้วต้องไป มหาวิหารโคโม่ เป็นวิหารโรมันคาทอลิกหลักใจกลางเมือง ใช้เวลาก่อสร้างยาวนานถึง 400 ปี สร้างเพื่ออุทิศให้กับพระแม่มารี พระมหาวิหารแห่งนี้มีความสวยงาม โอ่งโถง มีภาพวาดสมัยศตวรรษที่ 16 ถูกวาดโดย Bernardino Luini และ Gaudenzio Ferrari

ถัดมามาดูพิพิธภัณฑ์เมืองโคโม่ สร้างขึ้นเพื่อเกียรติอนุสรณ์ของนักวิทยศาสตร์ผู้ประดิษฐ์แบตเตอร์รี่ไฟฟ้า นามว่า Alessandro Volta ตัวอาคารเป็นการออกแบบสไตล์นีโอคลาสสิก ภายในตัวอาคารได้เล่าเรื่องราวการค้นคว้าและรวบรวมเครื่องมือที่เขาประดิษฐ์คิดค้นขึ้นมาเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เยี่ยมชมกัน และสถานที่แห่งนี้ติดกับทะเลสาบภูเขาหากเมื่อยล้าจากการเดินชมหาความรู้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์แล้วสามารถมานั่งพักผ่อนเอาแรงดูวิวสูดหายใจเอาอากาศบริสุทธิ์ที่นี่ได้ อีกสถานที่ที่ต้องไม่พลาดเช่นกัน คือแหล่งช้อปปิ้ง ที่สามารถเดินจากมหาวิทหาร Cattedrale di S.Maria Assunta di Como ได้ ที่นี่มีร้านขายของ ให้คุณได้เดินเพลินๆ ได้ทั้งวันและร้านกาแฟ ร้านอาหาร ให้คุณได้นั่งรับอากาศเย็นๆ สบายๆ จิบชา กาแฟยามบ่ายได้อย่างรื่นรมย์เลย

10. ชิงเกว แตร์เร (La Spezia: Cinque Terre)

เที่ยวอิตาลี

เที่ยวอิตาลี ต้องไม่พลาด Cinque Terre หรือชิงเกว แตร์เรเป็นเมืองติดทะเลในเขต Liguria ซึ่งประกอบไปด้วย 5 หมู่บ้านสีลูกกวาดน่ารัก ๆ อยู่ริมทะเล ประกอบไปด้วย Monterosso al Mare, Vernazza, Corniglia, Manarola และ Riomaggiore (เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงด้าน Gelato รสที่แนะนำคือ รสเลม่อน ) เนื่องจากเป็นหมู่บ้านที่ติดทะเลทำให้ทางเดินริมทะเลนั้นสวยมาก มีกิจกรรมทางน้ำให้ทำ เช่นการพายเรือ และบ้านเมืองสีสันสดใส เป็นเมืองที่มีบ้านเรือนสีเหมือนลูกกวาดเช่นกัน บ้านของที่นี่จะเป็นชั้นๆ ซ้อนไล่กันขึ้นไปตามลักษณะที่ตั้งบนเนินเขา ทางเดินท่องเที่ยวรอบเมืองก็เป็นทางเหมือนเดินขึ้นเขา ลัดเลาะตามบ้านคนขึ้นไป ให้ประสบการณ์กับนักท่องเที่ยวที่ชอบเห็นวิถีชีวิตผู้คน และถ้าหากคุณมาเที่ยวในเดือนกรกฎาคมสองข้างทางเดินดอกไม้จะออกดอกสีสันสวยงามสร้างสีสันให้กับถนนเป็นอย่างมาก หากคุณได้มาเที่ยวแล้วแนะนำให้ไปให้ครบทุกหมู่บ้านเพราะว่าแต่ละมุมของหมู่บ้านจะให้วิวทะเลแตกต่างกันในการถ่าย และมองวิวสวยๆ และกิจกรรมที่หลากหลาย แอบกระซิบอีกนิดว่าอาหารทะเลที่นี่ สด และอร่อยมาก

เที่ยวอิตาลีครั้งแรก ทำวีซ่าอิตาลี

11. เนเปิลส์ (Naples)

เที่ยวอิตาลี

เมืองเนเปิลส์ หรือนาโปลี (Napoli) เป็นเมืองอิตาลีที่หลายคนอาจเคยได้ยินแต่ไม่เคยไปเยือนมาก่อน ซึ่งเราขอแนะนำอย่างยิ่ง เพราะไม่เพียงแต่เมืองแห่งนี้จะเป็นเมืองเก่าแก่ที่มีสถานที่เที่ยวมากมาย แต่ด้านวัฒนธรรมเองก็มีความน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะวัฒนธรรมด้านอาหาร เนื่องจาก ต้นกำเนิดของพิซซ่า เมนูแป้งแผ่นบางที่มีหน้าหลายแบบเองก็มาจากเมืองแห่งนี้นี่เอง ทั้งนี้ หากจะให้เราแนะนำเพิ่มเติมละก็ พิซซ่าหน้ามาร์เกรีต้าเป็นตัวเลือกที่ดีอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นพิซซ่าที่มีวัตถุดิบสีสันคล้ายกับธงชาติอิตาลีนั่นเอง ดังนั้น สำหรับคนที่ชื่นชอบการเดินทางท่องเที่ยวสถานที่สวยๆ และทานอาหารอร่อยต่างๆ มากมาย เนเปิลส์คือคำตอบที่เหล่านักเดินทางไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง

12. เวโรนา (Verona)

Verona italy Stock Photos, Royalty Free Verona italy Images | Depositphotos

เที่ยวอิตาลี ทั้งทีอย่าลืมมาร่วมสำรวจแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมที่ได้รับการรับรองจากองค์การยูเนสโก (UNESCO) ณ เมืองเวโรนา เจ้าของฉายา ‘Little Roman’ ซึ่งเกิดจากสภาพอาคารบ้านเรือนและสถาปัตยกรรมต่างๆ ของเมืองที่ยังคงความเป็นโรมันไว้อย่างครบถ้วน อีกทั้งยังเป็นเมืองที่ถูกนำมาอ้างอิงในวรรณกรรมสุดคลาสสิกย่างโรมิโอและจูเลียต (Romeo and Juliet) ผลงานความรักอมตะจากปลายปากกาของวิลเลียม เชกสเปียร์ (William Shakespeare) นักกวีชาวอังกฤษอีกด้วย เรียกได้ว่า นอกจากจะได้มาเที่ยวเมืองอิตาลีสวยๆ บรรยากาศดีๆ แล้ว ทุกคนยังจะได้สัมผัสถึงความโรแมนติกที่อบอวลไปทั่วเมืองอีกด้วย

13. มหาวิหารเซนต์มาร์ก (St. Mark’s Basilica)

เที่ยวอิตาลี

มหาวิหารเซนต์มาร์ก มีอีกชื่อหนึ่งว่ามหาวิหารซานมาร์โค (Basilica di San Marco) เป็นหนึ่งแลนด์มาร์กของเมืองเวนิส ซึ่งเป็นศาสนสถานในรูปแบบมหาวิหารที่มีความยิ่งใหญ่อลังการ โดยมหาวิหารเซนต์มาร์กยังมีอีกฉายาว่า โบสถ์ทองคำ (Chiesa d’oro) อีกด้วย ทั้งนี้ ภายในวิหารแห่งนี้จะมีสถาปัตยกรรมในรูปแบบของไบแซนไทน์ปิดด้วยทองสวยงาม จึงทำให้ใครที่ได้มาเยือนสถานที่แห่งนี้จะพบกับความยิ่งใหญ่อลังการและความหรูหราอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ มหาวิหารเซนต์มาร์กยังมีการแบ่งโซนเที่ยวชม ได้แก่ Basilica, Museum, Pala d’Oro, Treasury, และ Campanile

ประเทศอิตาลีเป็นหนึ่งในประเทศยุโรปที่มีชื่อเสียงอย่างมาก โดยเฉพาะสถานที่ท่องเที่ยวที่หลายคนยกให้เป็น Unseen Europe เลยทีเดียว ซึ่งเราเชื่อว่า 12 ที่เที่ยวอิตาลีที่ได้เลือกมาให้กับทุกท่านล้วนผ่านการคัดสรรมาแล้วอย่างดี ทั้งนี้ เพราะทุกการเดินทางล้วนมีความหมาย ดังนั้นแล้ว สำหรับใครที่อยากจะท่องเที่ยวอิตาลีหรือประเทศอื่นๆ และกำลังมองหาผู้ช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางอยู่ สามารถติดต่อ Mesubtravel ได้เลย ทีมงานของเรายินดีให้คำปรึกษาเป็นอย่างดี ด้วยประสบการณ์กว่าสิบปี

อิตาลี ยังมีที่เที่ยวสวยๆ เก๋ๆ อีกเยอะมาก ร้านอาหารก็อร่อยๆ เพียบ ถึงจะเป็นสไตล์อิตาเลี่ยนแท้ แต่รับรองว่า ถูกปากคนไทยอย่างเราแน่นอน

เที่ยวอิตาลี

FAQ คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับที่เที่ยวอิตาลี

นอกจากสถานที่เที่ยวอิตาลีทั้ง 25 แห่งที่มีความน่าสนใจแล้ว เรายังได้รวบรวมคำถามที่พบบ่อยจากเหล่านักเดินทางที่กำลังเตรียมตัวจะไปเที่ยวอิตาลีมาฝากด้วย ดังนี้

เที่ยวอิตาลีเดือนไหนดี

ประเทศอิตาลี จะมีทั้งหมด 4 ฤดูกาล ได้แก่ ฤดูร้อน, ฤดูหนาว, ฤดูใบไม้ผลิ และ ฤดูใบไม้ร่วง โดยเดือนที่เราแนะนำคือช่วงตุลาคมถึงธันวาคม เนื่องจากเป็นช่วงฤดูหนาวที่มีอากาศเย็นสบาย เหมาะกับการเดินทางท่องเที่ยวเป็นอย่างดี

เที่ยวอิตาลีงบเท่าไหร่ดี

เที่ยวอิตาลีใช้เงินเท่าไร หรือเที่ยวอิตาลีงบเท่าไหร่ดีนั้น เป็นหนึ่งในคำถามที่เหล่านักท่องเที่ยวให้ความสนใจมากที่สุด ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว งบท่องเที่ยวนั้นจะขึ้นอยู่กับสถานที่เที่ยว จำนวนวันที่เดินทาง ตลอดจนกิจกรรมหรือสิ่งที่อยากทำด้วย จึงยากที่จะอธิบายในเรื่องดังกล่าวได้ แต่เราขอแนะนำให้พกไปเฉลี่ยวันละ 150 ยูโร หรือประมาณ 6,000 บาท ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่เพียงพอต่อการเดินทาง ค่าอาหาร และที่พักหรือโรงแรม 3 ดาว

เที่ยวอิตาลีแบบไหนดีระหว่างเที่ยวอิตาลีด้วยตัวเองหรือเที่ยวอิตาลีกับทัวร์

ในการท่องเที่ยวอิตาลีด้วยตนเองหรือเที่ยวอิตาลีกับทัวร์ต่างก็มีข้อดีแตกต่างกัน เราจึงขอแนะนำสำหรับใครที่อยากได้ผู้ช่วยวางแผนการเดินทาง พร้อมอำนวยความสะดวกในการไปเยือนสถานที่เที่ยวต่างๆ ให้ไปกับทัวร์จะดีกว่า ซึ่งทาง MESUB TRAVEL เองก็มีบริการด้านการเดินทางด้วยเช่นกัน

ประเทศอิตาลีเป็นหนึ่งในประเทศยุโรปที่มีชื่อเสียงอย่างมาก โดยเฉพาะสถานที่ท่องเที่ยวที่หลายคนยกให้เป็น Unseen Europe เลยทีเดียว ซึ่งเราเชื่อว่า 25 ที่เที่ยวอิตาลีที่ได้เลือกมาให้กับทุกท่านล้วนผ่านการคัดสรรมาแล้วอย่างดี ทั้งนี้ เพราะทุกการเดินทางล้วนมีความหมาย

ดังนั้นแล้ว สำหรับใครที่อยากจะท่องเที่ยวอิตาลีหรือประเทศอื่นๆ และกำลังมองหาผู้ช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางอยู่ สามารถติดต่อ MESUB TRAVEL ได้เลย

บริการยื่นวีซ่า ทำวีซ่า บริการทัวร์ต่างประเทศ  สามารถทำได้ง่ายๆ กับ MESUB TRAVEL สะดวก รวดเร็ว ทีมงานของเรายินดีดูแลเป็นอย่างดี ด้วยประสบการณ์ในวงการมากกว่าหลายสิบปี การันตีด้วยลูกค้ามากมาย

เปิดให้บริการ: จันทร์ – ศุกร์ 09.30-18.00

ออนไลน์ 09.30-18.00 (ทุกวัน)

LINE Official: @mesubtravel

Mail: mesubvisa@gmail.com

TEL:  09-5653-8299, 083-468-5325

ENG 09-2966-9045

中文 08-1009-0558

FB Page: MESUB visa&travel บริการด้านวีซ่าครบวงจร

 

ทำไมถึงถูกปฏิเสธวีซ่า?

บทความที่เกี่ยวข้อง